เอส แอนด์ พีเผยตลาดรวมขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้โตน้อยกว่าปกติ เหตุรายใหญ่งดทำตลาดและต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เอส แอนด์ พีเตรียมขึ้นราคาขนมไหว้พระจันทร์ 5% และเดินหน้าทำตลาดเร็วและนานขึ้น พร้อมทั้งออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่และทำโปรโมชั่นพิเศษ คาดยอดขายขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ 1.4 ล้านชิ้น เผยแผนปีหน้าเตรียมงบลงทุน 200 ล้านบาทขยายสาขาร้านอาหารในเครือเอส แอนด์ พีเพิ่ม 30 แห่ง
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์แบรนด์เอส แอนด์ พี และมังกรทอง เปิดเผยว่า ตลาดรวมของขนมไหว้พระจันทร์เฉพาะในเขตกรุงเทพฯปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทและปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่มากหรือประมาณ 5% เนื่องจากการที่ผู้ประกอบการรายหลัก 2-3 รายหยุดทำตลาดไป เช่น วิลเลจและโออิชิ เป็นต้น ประกอบกับการที่ต้นทุนวัตถุดิบบางอย่างปรับเพิ่ม10% โดยเฉพาะราคาน้ำมันซึ่งมีผลกระทบมากสุดได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ฯลฯ ส่งผลให้ตลาดรวมมีการเติบโตที่ลดลง จากเดิมปกติตลาดจะเติบโตกว่า10%
ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์ของเอส แอนด์ พีปีนี้บริษัทฯได้มีการปรับขึ้นราคาขนมไหว้พระจันทร์อีก 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 2-3 บาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งระดับราคาขนมไหว้พระจันทร์เอส แอนด์ พีปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท ขณะที่รสชาติของขนมไหว้พระจันทร์เวลานี้มีกว่า 8 ไส้ อาทิ ไส้หมอนทอง,ไส้เมล็ดบัว, ไส้โหงวยิ้ง เป็นต้น ปีนี้ได้เพิ่มรสชาติใหม่ 1 รส ได้แก่ ชาเขียวถั่วแดง
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้ออกแบบคอนเซ็ปต์บรรจุภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ “เมจิค มูน(Magic Moon)” โดยการนำสัญลักษณ์รูปสัตว์หรือสิ่งที่เป็นสิรมงคลตามความเชื่อของคนจีน ได้แก่ มังกร ,นก,ปลา และโคมไฟ มาสร้างเป็นลวดลายบนกล่องเหล็กที่บรรจุขนม 4 ชิ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ทำชุดของขวัญพิเศษพรีเมี่ยมเซ็ท ซึ่งภายในจะบรรจุซีดีเพลง 1 แผ่น,ชาอู่หลง 1 ซองและขนมไหว้พระจันทร์ 4 ชิ้น จำนวน 2,000 ชุด รวมถึงซื้อขนมไหว้พระจันทร์ 4 กล่องฟรี 1 กล่อง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.-6 ต.ค. 49
สำหรับงบการตลาดในส่วนของขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้บริษัทฯจะใช้ประมาณ 2 ล้านบาท โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมทางการตลาด และทำโปรโมชั่นต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปีนี้เอส แอนด์ พีได้มีการทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์เร็วขึ้นและนานขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เดือนก.ค.-ต.ค.49 รวมเวลา 4 เดือน
ส่วนยอดรายได้ของขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.4 ล้านก้อนหรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 5%จากปีที่แล้ว
นายประเวศวุฒิ กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังบริษัทฯเตรียมจัดทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่บริษัทฯมียอดขายดีหรือคิดเป็นสัดส่วน 60% ของทั้งหมด รวมทั้งตลาดยังมีเทศกาลมาก เช่น ไหว้พระจันทร์ และปีใหม่ ฯลฯ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้าของบริษัทฯเตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทในการขยายสาขาร้านอาหารในเครือรวม 30 แห่ง ขณะที่การลงทุนด้านอื่นๆจะไม่มีให้เห็น เนื่องจากบริษัทฯได้ลงทุนไปมากแล้วในปีนี้
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์แบรนด์เอส แอนด์ พี และมังกรทอง เปิดเผยว่า ตลาดรวมของขนมไหว้พระจันทร์เฉพาะในเขตกรุงเทพฯปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทและปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่มากหรือประมาณ 5% เนื่องจากการที่ผู้ประกอบการรายหลัก 2-3 รายหยุดทำตลาดไป เช่น วิลเลจและโออิชิ เป็นต้น ประกอบกับการที่ต้นทุนวัตถุดิบบางอย่างปรับเพิ่ม10% โดยเฉพาะราคาน้ำมันซึ่งมีผลกระทบมากสุดได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ฯลฯ ส่งผลให้ตลาดรวมมีการเติบโตที่ลดลง จากเดิมปกติตลาดจะเติบโตกว่า10%
ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์ของเอส แอนด์ พีปีนี้บริษัทฯได้มีการปรับขึ้นราคาขนมไหว้พระจันทร์อีก 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 2-3 บาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งระดับราคาขนมไหว้พระจันทร์เอส แอนด์ พีปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท ขณะที่รสชาติของขนมไหว้พระจันทร์เวลานี้มีกว่า 8 ไส้ อาทิ ไส้หมอนทอง,ไส้เมล็ดบัว, ไส้โหงวยิ้ง เป็นต้น ปีนี้ได้เพิ่มรสชาติใหม่ 1 รส ได้แก่ ชาเขียวถั่วแดง
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้ออกแบบคอนเซ็ปต์บรรจุภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ “เมจิค มูน(Magic Moon)” โดยการนำสัญลักษณ์รูปสัตว์หรือสิ่งที่เป็นสิรมงคลตามความเชื่อของคนจีน ได้แก่ มังกร ,นก,ปลา และโคมไฟ มาสร้างเป็นลวดลายบนกล่องเหล็กที่บรรจุขนม 4 ชิ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ทำชุดของขวัญพิเศษพรีเมี่ยมเซ็ท ซึ่งภายในจะบรรจุซีดีเพลง 1 แผ่น,ชาอู่หลง 1 ซองและขนมไหว้พระจันทร์ 4 ชิ้น จำนวน 2,000 ชุด รวมถึงซื้อขนมไหว้พระจันทร์ 4 กล่องฟรี 1 กล่อง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.-6 ต.ค. 49
สำหรับงบการตลาดในส่วนของขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้บริษัทฯจะใช้ประมาณ 2 ล้านบาท โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมทางการตลาด และทำโปรโมชั่นต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปีนี้เอส แอนด์ พีได้มีการทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์เร็วขึ้นและนานขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เดือนก.ค.-ต.ค.49 รวมเวลา 4 เดือน
ส่วนยอดรายได้ของขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.4 ล้านก้อนหรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 5%จากปีที่แล้ว
นายประเวศวุฒิ กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังบริษัทฯเตรียมจัดทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่บริษัทฯมียอดขายดีหรือคิดเป็นสัดส่วน 60% ของทั้งหมด รวมทั้งตลาดยังมีเทศกาลมาก เช่น ไหว้พระจันทร์ และปีใหม่ ฯลฯ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้าของบริษัทฯเตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทในการขยายสาขาร้านอาหารในเครือรวม 30 แห่ง ขณะที่การลงทุนด้านอื่นๆจะไม่มีให้เห็น เนื่องจากบริษัทฯได้ลงทุนไปมากแล้วในปีนี้