ผู้บริหารเบียร์สิงห์เผยเศรษฐกิจไทย 4 เดือนสุดท้ายของปี 2549 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.2549 และนโยบายของรัฐบาลมีความชัดเจน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ ชี้หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็ว จะยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น แต่ห่วงราคาน้ำมันในตลาดโลกปีหน้า อาจสูงถึง 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จนเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจ
นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทย ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 และสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีคงจะไม่แย่ลงกว่าปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นหากมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 15 ต.ค. 2549 มีการจัดตั้งรัฐบาล มีการประกาศนโยบายที่เด่นชัด ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้บรรยากาศโดยภาพรวมของประเทศน่าจะดีขึ้นกว่าในขณะนี้
“เศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้ คงจะอยู่ในลักษณะไม่โตขึ้น แต่ก็คงจะไม่แย่ลง แนวโน้มอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งยิ่งมีการเลือกตั้งเร็วขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้นตามมาได้มากขึ้น ส่วนเรื่องการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอีก 1 เดือนนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่กำลังมีการสรรหากันอยู่ในขณะนี้” นายสันติ กล่าว
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2550 นั้น นายสันติ กล่าวว่า ยังต้องติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งราคาน้ำมันในปีหน้า อาจมีโอกาสสูงที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังไม่สงบ และจะทำให้ผู้ประกอบการคงจะลำบาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นกระทบต่อราคาสินค้าโดยรวมให้ปรับขึ้นตาม โดยเฉพาะต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่ต้องปรับขึ้นแน่นอน และยังประเมินไม่ได้ว่าจะปรับขึ้นมากน้อยแค่ไหน
สำหรับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อธุรกิจของบริษัทนั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ กล่าวว่า มีผลกระทบบ้าง ทำให้รายได้ที่ได้จากการส่งออกลดลง หลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงระดับ 37 บาทต้น ๆ แต่เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกมีเพียงร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากนัก
นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทย ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 และสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีคงจะไม่แย่ลงกว่าปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นหากมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 15 ต.ค. 2549 มีการจัดตั้งรัฐบาล มีการประกาศนโยบายที่เด่นชัด ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้บรรยากาศโดยภาพรวมของประเทศน่าจะดีขึ้นกว่าในขณะนี้
“เศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้ คงจะอยู่ในลักษณะไม่โตขึ้น แต่ก็คงจะไม่แย่ลง แนวโน้มอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งยิ่งมีการเลือกตั้งเร็วขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้นตามมาได้มากขึ้น ส่วนเรื่องการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอีก 1 เดือนนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่กำลังมีการสรรหากันอยู่ในขณะนี้” นายสันติ กล่าว
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2550 นั้น นายสันติ กล่าวว่า ยังต้องติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งราคาน้ำมันในปีหน้า อาจมีโอกาสสูงที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังไม่สงบ และจะทำให้ผู้ประกอบการคงจะลำบาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นกระทบต่อราคาสินค้าโดยรวมให้ปรับขึ้นตาม โดยเฉพาะต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่ต้องปรับขึ้นแน่นอน และยังประเมินไม่ได้ว่าจะปรับขึ้นมากน้อยแค่ไหน
สำหรับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อธุรกิจของบริษัทนั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ กล่าวว่า มีผลกระทบบ้าง ทำให้รายได้ที่ได้จากการส่งออกลดลง หลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงระดับ 37 บาทต้น ๆ แต่เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกมีเพียงร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากนัก