แดรี่ควีนไทยผงาด มีแนวโน้มบริษัทแม่ดันให้เป็นศูนย์กลางฝึกอบรมในเอเซีย เหตุผลงานเข้าตา เติบโตดีเฉลี่ย 20% ตลอด และเป็นอันดับที่สามของตลาดโลก ลั่นปีนี้ขอปั้นรายได้สู่ 500 ล้านบาท พร้อมทั้งซุ่มศึกษารูปแบบร้านค้าเต็มรูปแบบเหมือนต่างประเทศ ลุยลงทุนต่อเนื่อง คาด 200 สาขาในสิ้นปีนี้ ฉลองครอบ 10 ปีในไทย
นางกัญญา เรืองประทีปแสง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด ผู้บริหารร้านแดรี่ควีน เปิดเผยว่า ตลาดไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟปัจจุบันนี้ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ และการแข่งขันก็จะรุนแรงเฉพาะในผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดเพียงไม่กี่รายเท่านั้น โดยมีแดรี่ควีน เป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่ ขณะที่ผู้ประกอบรายเล็กๆนั้นเริ่มหายไปจากท้องตลาด หรือไม่ก็ไม่ค่อยมีการเติบโตมากนัก
สำหรับในส่วนของแดรี่ควีนนั้น ยังคงมีแผนการทำตลาดและการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดนี้ไว้ให้ได้ พร้อมทั้งการพยายามสร้างตลาดนี้ให้มีการเติบโตและขยายตัวต่อไปอีกในวงกว้าง
ทั้งนี้แดรี่ควีนมีผลประกอบการที่เติบโตมาโดยเฉลี่ยกว่า 20% ทุกๆปี โดยปีที่แล้วมีผลประกอบการรวมประมาณ 500 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ 20% ซึ่งการเติบโตที่มากนั้นมาจากทั้งการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดเสมอ และที่สำคัญปีนี้ยังเป็นปีที่ฉลองครบการดำเนินงานครบ 10 ปีของแดรี่ควีนในไทยด้วย ซึ่งจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย
ล่าสุดบริษัทแม่ของแดรี่ควีนอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะจัดตั้งให้ประเทศใดเป็นศูนย์กลางของการฝึกอบรมพนักงานแดรี่ควีน ในย่านเอเชีย ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่มีแนวโน้มจะได้รับการคัดเลือก เพราะกลุ่มไมเนอร์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไมเนอร์ดีคิวในไทยมีศักยภาพอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นยอดผลประกอบการที่เติบโตตลอด รวมไปถึงเครือข่ายธุรกิจของกลุ่มไมเนอร์ที่มีมากมาย
กลุ่มไมเนอร์ได้รับลิขสิทธิ์การดำเนินธุรกิจแดรี่ควีนในไทย และอินโดจีน ซึ่งไทยเป็นตลาดที่มีบทบาทและเติบโตมากที่สุดในโลกของแดรี่ควีน อันดับที่สาม รองลงมาจาก ตลาดอเมริกา และแคนาดา
โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ แดรี่ควีนได้ทำการขายให้กับผู้บริโภคคนไทยแล้วมากกว่า 10 ล้านคน และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะทำการจำหน่ายเพิ่มเป็น 15 ล้านคน และค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อครั้งต่อคน โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลักคือ ไอศกรีมมีสัดส่วนยอดขายกว่า 60% และมีอัตราเติบโตกว่า 30% เครื่องดื่มประมาณ 20% เค้กประมาณ 10% และอื่นอีก 10% อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังไม่มีแผนการทำระบบสมาชิก
สำหรับแผนการลงทุนปีนี้ กำหนดวงเงินลงทุนทั้งปีที่ 110 ล้านบาท เตรียมที่จะขยายจุดจำหน่ายคีออสของแดรี่ควีนในช่วง 4 เดือนหลังของปีนี้อีก ให้ครบ 200 สาขา จากปัจจุบันที่มีเปิดคีออสแดรี่ควีนแล้วประมาณ 186 สาขา โดยตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้เปิดใหม่ประมาณ 10 กว่าสาขา ซึ่งสาขาใหม่จากนี้ได้พื้นที่เรียบร้อยแล้วเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการศึกษาถึงการลงทุนเปิดร้านแดรี่ควีนเต็มรูปแบบซึ่งมีทั้งอาหารจำหน่าย และมีที่นั่งทานในร้านด้วย แบบเดียวกับรูปแบบในต่างประเทศที่มีเปิดบริการแล้วเช่นในอเมริกา หรือในตลาดประเทศตะวันออกกลาง เป็นต้น ยังไม่ได้มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ เพราะต้องศึกษาตลาดให้รอบคอบก่อน
ขณะเดียวกันยังได้มีการรีโนเวทสาขาเก่า ซึ่งบางแห่งได้นำเอาป้ายเมนูที่เป็นทีวีพลาสม่าเข้ามาติดตั้งเพื่อบริการเกี่ยวกับรายละเอียดเมนู โปรโมชั่น และกิจกรรมกิจความเคลื่อนไหวต่างๆที่น่าสนใจ ซึ่งได้ติดตั้งไปแล้วประมาณ 25 สาขา
ส่วนแผนการตลาดนั้นในปีนี้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 30 ล้านบาท ล่าสุดคือ การจัดกิจกรรมครบรอบ 10 ปีแดรี่ควีน ซึ่งจะมีทั้งการออกหนังโฆษณาชุดใหม่ โดยเน้นตัวไอศกรีมบลิซซาร์ด โอริโอ ราคา 15 บาท จากปรกติ 25 บาท ทั้งนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนการปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นแต่อย่างใด