xs
xsm
sm
md
lg

ยูนิชาร์มเล็งลุยผ้าอ้อมสำเร็จรูปสุนัข ขอ2ปีโค่นแคร์ฟียึดตลาดซึมซับเรียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยูนิ-ชาร์ม หวัง 2 ปี ผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดซึบซัม 3 ตลาดมูลค่า 7.8 พันล. เปิดเกมบี้แคร์ฟีหนัก หลังเหลือบัลลังก์แผ่นอนามัยให้พิชิตเพียงอย่างเดียว ขณะที่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปและและผ้าอนามัย ครองตลาดเรียบร้อยแล้ว พร้อมทุ่ม 150 ล้านบาท ขนนวัตกรรมใหม่เปิดตัว 2-3 ตัวลุยครึ่งปีหลัง สิ้นปีโกยแชร์เพิ่มจาก 37% เป็น 40%  ตั้งเป้า 2 ปีโค่นแคร์ฟีกวาดแชร์ 45%

นายดำรงค์ ปิยะนิจดำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ยูนิ-ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูปตรามามี่ โพโค และผ้าอนามัย-แผ่นอนามัยโซฟี เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดผู้เชี่ยวชาญด้านการซึมซับครอบคลุมทั้ง 3 ตลาด บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 2 ปี จะโค่นบัลลังก์ผู้นำตลาดแผ่นอนามัยยี่ห้อแคร์ฟี ของบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ให้ได้ โดยขึ้นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 45% เนื่องจากตลาดแผ่นอนามัย เป็นเพียงตลาดเดียวที่สินค้าของบริษัทฯยังไม่ได้เป็นผู้นำตลาด

ปัจจุบันตลาดด้านการซึมซับมีมูลค่า 7,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปมูลค่า 3,800 ล้านบาท ผ้าอนามัยมูลค่า 3,500 ล้านบาท และแผ่นอนามัย 500 ล้านบาท ยูนิ-ชาร์มเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูป ซึ่งมีสินค้าภายใต้แบรนด์มามี่โพโคครองส่วนแบ่ง 63% ทิ้งห่างจากอันดับสองอย่างดรายเพอร์สซึ่งมีส่วนแบ่ง 10% เบบี้ เลิฟ 9% และแพมเพอร์ส 2% ขณะที่ตลาดผ้าอนามัยมีสินค้าภายใต้แบรนด์โซฟีเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 42% อันดับสองเป็นลอริเอะ 30%

ดังนั้นบริษัทฯจึงทุ่มงบการตลาดในปีนี้ถึง 150 ล้านบาท ดำเนินการตลาดในเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รายการ ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมใหม่ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ โซฟีได้เปิดตัวดับเบิ้ล เฟรช แผ่นอนามัย 2 ชั้นลงสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นให้เกิดความถี่ในการใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีส่วนแบ่งถึง 12% ทั้งนี้เหตุผลที่บริษัทฯต้องรุกตลาดโดยการเปิดนวัตกรรมใหม่ เนื่องจากแคร์ฟีแบรนด์ผู้นำตลาดมีความแข็งแกร่ง มาก โดยปัจจุบันชื่อแบรนด์แคร์ฟีกลายเป็นสามัญญานาม (Generic Name) ที่ใช้เรียกแทนว่า แผ่นอนามัย

ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดอย่างครบวงจร ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ หรือกระทั่งการแจกสินค้าตัวอย่าง  เพื่อให้เกิดการทดลองใช้และซื้อซ้ำ ทั้งนี้คาดว่าหลังจากที่บริษัทฯเปิดตัวนวัตกรรมใหม่แผ่นอนามัยโซฟี ส่วนแบ่งในสิ้นปีนี้เพิ่มจาก 37% เป็น 40% ส่วนแคร์ฟีผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 62% จากมูลค่าตลาด 500 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มตลาดแผ่นอนามัยมูลค่า 500 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะยังเป็นตลาดที่เล็ก ขณะที่ตลาดผ้าอนามัยมูลค่า 3,800 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 1-2% โดยพบว่าผู้หญิงมีอัตราการใช้ 10 แผ่นต่อรอบเดือน 1 ครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดผ้าอนามัยในไทยยังสามารถที่จะพัฒนาได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาให้มีขนาดที่บางลง หรือกระทั่งยาวขึ้น

ผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 30% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 7,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จาก มามี่ โพโค 60% โซฟี 38% และไลฟ์รี 2% อย่างไรก็ตามการที่บริษัทฯสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้านการซึมซับ 3 ตลาดแล้ว โอกาสที่จะต่อยอดเปิดตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับสุนัข ซึ่งเป็นธุรกิจอีกขาหนึ่งที่บริษัทฯยังไม่ได้ทำตลาดในประเทศไทย รวมไปถึงการทำธุรกิจอาหารสัตว์เพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น