ธุรกิจแพทย์ทางเลือกโต หลังรัฐบาลมุ่งดันไทยขึ้นเมดิคัลฮับ ออฟเอเชีย กลุ่ม BDC by Dr. Orawan เร่งฝีเท้าหนีคู่แข่ง ทุ่มเงินลงทุน 70 ล้านบาท ผุดศูนย์ดูแลสุภาพแบบองค์รวมบนถนนสุขุมวิท พร้อมเตรียมบุกเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศ หวังโกยเงินต่างชาติเข้าไทย ล่าสุดเล็งจับตลาดตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น ในสิ้นปีนี้
นาวาอากาศโทแพทย์หญิง อรวรรณ กิจเชวงกุล ผู้อำนวยการสถาบัน BDC by Dr. Orawan ผู้ให้บริการด้านธุรกิจความงามและผิวพรรณแบบองค์รวม หรือ วัยยุวัฒน์ เปิดเผยว่า ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 70 ล้านบาท ในเปิดสาขา BDC by Dr. Orawan BDC by Dr. Orawan สุขุมวิท59 แบ่งเป็น 50 ล้านบาท ลงทุนในส่วนของเครื่องมือและอุปกรณ์ และอีก 20 ล้านบาท ลงทุนในส่วนของอาคารสถานที่ ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว
สำหรับแผนครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯจะบุกขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเตรียมออกโรดโชว์ไปกับกรมส่งเสริมการส่งออก ที่ประเทศอาร์เจนติน่า และกลุ่มตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น เพราะมีกำลังซื้อที่ดี และแนวโน้มของการเข้ามารับการรักษาและดูและสุขภาพในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราค่าบริการจะถูกกว่า ไปรักษาที่อเมริกาหรือยุโรปถึง กว่า 50% ส่วนปัจจุบัน ลูกค้าหลักที่เข้ามารับการบริการจะมาจาก ยุโรปและอเมริกา ขณะที่กลุ่มคนไทย จะเป็นกลุ่มระดับบน นักธุรกิจและนักการเมือง
โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการจัดทำโบร์ชัวร์ภาษาอาหรับ และภาษาญี่ปุ่น พร้อมทั้งเตรียมปรับปรุงเว็บไซน์ เพิ่มภาษาญี่ปุ่น และ การให้ข้อมูลการบริการ และระบบการจอง ผ่านเว็บไซน์ ซึ่งปัจจุบันสถานพยาบาลเรามี 2 เว็บไซต์ๆละ 2 ภาษาคือ ไทย และอังกฤษ ได้แก่ www.bkkdermato.com และ www.thaimedicalspa.org ขณะที่ตลาดในประเทศ ทำการตลาดแบบปากต่อปาก และการลงสื่อแมกกาซีน เพื่อประชาสัมพันธ์
ปัจจุบัน BDC by Dr. Orawan BDC by Dr. Orawan มีทั้งสิ้นรวม 3 สาขา ได้แก่ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต , เอสซีบี พาร์ค และ สาขาสุขุมวิท59 ที่เพิ่มเปิดให้บริการ โดยในส่วนสาขาที่เปิดที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนที่สาขาสุขุมวิท59 ลูกค้า 50% เป็นชาวต่างชาติ ส่วนที่ เอสซีบีพาร์คลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย รวมสมาชิกทั้ง 3 สาขา จะมีมากกว่า1 หมื่นราย
ทั้งนี้เพราะ BDC ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการธุรกิจความงามและผิวพรรณ แต่ได้เปิดให้บริการมากว่า 18 ปีแต่เริ่มให้บริการด้านเอ็นไซน์เอจจิ้นแบบองค์รวมมาได้ 5 ปีแล้ว ซึ่ง 15 ปีแรก เปิดให้บริการในนาม “อรวรรณคลินิกเลเซอร์ผิวหนัง” และมาได้รับการเชิญชวนจากกรมส่งเสริมการส่งออกให้ไปออกบูธโชว์ เพื่อหวังดึงคนต่างชาติเข้ามารับการรักษาและดูแลด้านสุขภาพในประเทศไทย เป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ อีกทั้ง BDC ยังเปิดให้บริการแก่สมาชิกบัตรอีลิท ด้วย
พญ.อรวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยและชาวต่างชาติเริ่มให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพก่อนเกิดการเจ็บป่วยมากขึ้น อีกทั้งศาสตร์ของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ในนาม วัยยุวัฒน์ เริ่มเป็นคำที่คนไทยรู้จัก โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระดับบน และการเป็นแพทย์ทางเลือก ของผู้ป่วย ที่ไม่ต้องการรักษาด้วยยา หรือสารเคมี แต่ทั้งนี้จากสภาพเศรษฐกิจ และภาวะทางการเมืองของประเทศไทย ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อธุรกิจนี้ เพราะทำให้คนจับจ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามารับบริการ ก็ขอรอดูสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศด้วย เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวทั่วไป และจะเป็นนักธุรกิจ จึงมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการแข่งขัน มองว่าในธุรกิจการรักษาแบบองค์รวมยังไม่มีการแข่งขันมากนัก เพราะมีให้บริการอยู่ไม่กี่ราย โดยภาพรวมน่าจะโตประมาณเกือบ 10% ในทุกปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลสนับสนุน เรื่องการโปรโมตให้ไทยเป็นเมดิคัลฮับ ออฟเอเชีย จึงทำให้ต่างประเทศสนใจเข้ามาใช้บริการ
อีกทั้งธุรกิจนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาจะเกิดจากความเชื่อถือในทีมแพทย์ที่รักษาและให้คำปรึกษา ขณะเดียวกัน ในส่วนของ BDC ซึ่งอยู่ในธุรกิจนี้มา 18 ปี มีข้อได้เปรียบตรงที่มีฐานลูกค้ามาก ส่วนการทำตลาดส่วนใหญ่จะเป็นแบบการบอกต่อแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth ประกอบกับการมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เช่น อายุรกรรม ,นารีเวช ,ผิวหนัง ,พลาสติก ,หัวใจ และแพทย์แผนไทย ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการเข้ามารับบริการ ซึ่งนอกจากจะมีบริการได้สนความงามแล้ว ยังให้การรักษาหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บด้วย แต่กว่า 80% ของลูกค้ายังเป็นกลุ่มด้านความสวยงาม
“จุดเด่นของ BDC ที่ให้บริการแก่ลูกค้า คือเป็นการแพทย์แบบผสมผสานระหว่างศาสตร์ตะวันตกกับศาสตร์ตะวันออก เช่นการนวดแผนไทย การกดจุด ฝังเข็ม รวมถึงการใช้สมุนไพร ตลอดจนการมีเครื่องมือการเช็ควัดและรักษาแบบทันสมัยแบบตะวันตก จึงทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจกับผลของการรักษา ส่วนอัตราค่าบริการ จะเริ่มตั้งแต่ 1พันบาทถึง 1 แสนบาทต่อครั้ง” พญ.อรวรรณกล่าว
นาวาอากาศโทแพทย์หญิง อรวรรณ กิจเชวงกุล ผู้อำนวยการสถาบัน BDC by Dr. Orawan ผู้ให้บริการด้านธุรกิจความงามและผิวพรรณแบบองค์รวม หรือ วัยยุวัฒน์ เปิดเผยว่า ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 70 ล้านบาท ในเปิดสาขา BDC by Dr. Orawan BDC by Dr. Orawan สุขุมวิท59 แบ่งเป็น 50 ล้านบาท ลงทุนในส่วนของเครื่องมือและอุปกรณ์ และอีก 20 ล้านบาท ลงทุนในส่วนของอาคารสถานที่ ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว
สำหรับแผนครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯจะบุกขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเตรียมออกโรดโชว์ไปกับกรมส่งเสริมการส่งออก ที่ประเทศอาร์เจนติน่า และกลุ่มตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น เพราะมีกำลังซื้อที่ดี และแนวโน้มของการเข้ามารับการรักษาและดูและสุขภาพในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราค่าบริการจะถูกกว่า ไปรักษาที่อเมริกาหรือยุโรปถึง กว่า 50% ส่วนปัจจุบัน ลูกค้าหลักที่เข้ามารับการบริการจะมาจาก ยุโรปและอเมริกา ขณะที่กลุ่มคนไทย จะเป็นกลุ่มระดับบน นักธุรกิจและนักการเมือง
โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการจัดทำโบร์ชัวร์ภาษาอาหรับ และภาษาญี่ปุ่น พร้อมทั้งเตรียมปรับปรุงเว็บไซน์ เพิ่มภาษาญี่ปุ่น และ การให้ข้อมูลการบริการ และระบบการจอง ผ่านเว็บไซน์ ซึ่งปัจจุบันสถานพยาบาลเรามี 2 เว็บไซต์ๆละ 2 ภาษาคือ ไทย และอังกฤษ ได้แก่ www.bkkdermato.com และ www.thaimedicalspa.org ขณะที่ตลาดในประเทศ ทำการตลาดแบบปากต่อปาก และการลงสื่อแมกกาซีน เพื่อประชาสัมพันธ์
ปัจจุบัน BDC by Dr. Orawan BDC by Dr. Orawan มีทั้งสิ้นรวม 3 สาขา ได้แก่ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต , เอสซีบี พาร์ค และ สาขาสุขุมวิท59 ที่เพิ่มเปิดให้บริการ โดยในส่วนสาขาที่เปิดที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนที่สาขาสุขุมวิท59 ลูกค้า 50% เป็นชาวต่างชาติ ส่วนที่ เอสซีบีพาร์คลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย รวมสมาชิกทั้ง 3 สาขา จะมีมากกว่า1 หมื่นราย
ทั้งนี้เพราะ BDC ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการธุรกิจความงามและผิวพรรณ แต่ได้เปิดให้บริการมากว่า 18 ปีแต่เริ่มให้บริการด้านเอ็นไซน์เอจจิ้นแบบองค์รวมมาได้ 5 ปีแล้ว ซึ่ง 15 ปีแรก เปิดให้บริการในนาม “อรวรรณคลินิกเลเซอร์ผิวหนัง” และมาได้รับการเชิญชวนจากกรมส่งเสริมการส่งออกให้ไปออกบูธโชว์ เพื่อหวังดึงคนต่างชาติเข้ามารับการรักษาและดูแลด้านสุขภาพในประเทศไทย เป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ อีกทั้ง BDC ยังเปิดให้บริการแก่สมาชิกบัตรอีลิท ด้วย
พญ.อรวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยและชาวต่างชาติเริ่มให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพก่อนเกิดการเจ็บป่วยมากขึ้น อีกทั้งศาสตร์ของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ในนาม วัยยุวัฒน์ เริ่มเป็นคำที่คนไทยรู้จัก โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระดับบน และการเป็นแพทย์ทางเลือก ของผู้ป่วย ที่ไม่ต้องการรักษาด้วยยา หรือสารเคมี แต่ทั้งนี้จากสภาพเศรษฐกิจ และภาวะทางการเมืองของประเทศไทย ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อธุรกิจนี้ เพราะทำให้คนจับจ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามารับบริการ ก็ขอรอดูสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศด้วย เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวทั่วไป และจะเป็นนักธุรกิจ จึงมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการแข่งขัน มองว่าในธุรกิจการรักษาแบบองค์รวมยังไม่มีการแข่งขันมากนัก เพราะมีให้บริการอยู่ไม่กี่ราย โดยภาพรวมน่าจะโตประมาณเกือบ 10% ในทุกปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลสนับสนุน เรื่องการโปรโมตให้ไทยเป็นเมดิคัลฮับ ออฟเอเชีย จึงทำให้ต่างประเทศสนใจเข้ามาใช้บริการ
อีกทั้งธุรกิจนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาจะเกิดจากความเชื่อถือในทีมแพทย์ที่รักษาและให้คำปรึกษา ขณะเดียวกัน ในส่วนของ BDC ซึ่งอยู่ในธุรกิจนี้มา 18 ปี มีข้อได้เปรียบตรงที่มีฐานลูกค้ามาก ส่วนการทำตลาดส่วนใหญ่จะเป็นแบบการบอกต่อแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth ประกอบกับการมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เช่น อายุรกรรม ,นารีเวช ,ผิวหนัง ,พลาสติก ,หัวใจ และแพทย์แผนไทย ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการเข้ามารับบริการ ซึ่งนอกจากจะมีบริการได้สนความงามแล้ว ยังให้การรักษาหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บด้วย แต่กว่า 80% ของลูกค้ายังเป็นกลุ่มด้านความสวยงาม
“จุดเด่นของ BDC ที่ให้บริการแก่ลูกค้า คือเป็นการแพทย์แบบผสมผสานระหว่างศาสตร์ตะวันตกกับศาสตร์ตะวันออก เช่นการนวดแผนไทย การกดจุด ฝังเข็ม รวมถึงการใช้สมุนไพร ตลอดจนการมีเครื่องมือการเช็ควัดและรักษาแบบทันสมัยแบบตะวันตก จึงทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจกับผลของการรักษา ส่วนอัตราค่าบริการ จะเริ่มตั้งแต่ 1พันบาทถึง 1 แสนบาทต่อครั้ง” พญ.อรวรรณกล่าว