การจับจ่ายของประชาชนในช่วงสารทจีนปีนี้เงียบเหงา จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอลง ทำให้ประชาชนไม่มีเงินจับจ่าย ขณะที่เป็ด-ไก่ก็ขายได้น้อยลง เพราะหลายคนยังวิตกและกลัวปัญหาไข้หวัดนก ทำให้หันไปซื้ออาหารทะเลใช้ในการเซ่นไหว้แทน ด้านพ่อค้า-แม่ค้า ร้องขายของได้ไม่คุ้มทุน แม้ว่าราคาสินค้าจะไม่สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าก็ตาม
บรรยากาศในวันจ่ายเทศกาลสารทจีน ปี 2549 ที่ตลาดเก่า เยาวราช บรรยากาศไม่ค่อยคึกคัก ชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้ซึ่งตรงกับวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) ค่อนข้างบางตาไม่เนืองแน่นเหมือนปีที่ผ่านมา และพบว่าพฤติกรรมการจับจ่ายของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป โดยลดปริมาณการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ลง โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า สภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองทำให้หารายได้ยากขึ้น จึงซื้อเครื่องเซ่นไหว้ตามความจำเป็น ส่วนการซื้อไก่ เป็ดไหว้เจ้า พบว่า มีประชาชนซื้อค่อนข้างบางตา และปริมาณเป็ด ไก่ที่ออกมาสู่ตลาดมีน้อยลง โดยประชาชนบางส่วนเปลี่ยนเครื่องเซ่นไหว้ไปซื้อปลา กุ้ง และอาหารทะเลอื่นๆ แทน เพราะยังห่วงต่อการระบาดของไข้หวัดนก
เจ้าของร้านหมวย ตลาดเก่า เยาวราช กล่าวว่า สารทจีนปีนี้ขายไก่ได้ไม่ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาไข้หวัดนก ทำให้ประชาชนงดซื้อ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คนไม่มีเงิน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี วันนี้ยังขายได้ไม่คุ้มทุน แต่ก็จำเป็นต้องขาย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีรายได้ ทั้งที่ช่วงสารทจีนเป็นช่วงเวลาทองของการขายเป็ด ไก่ แต่ปีนี้กลับขายได้น้อยลง และไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเมื่อใด โดยราคาไก่เหลือตัวละ 170 บาท เป็ด 250 บาท ก็ยังขายไม่ได้
เจ้าของร้าน ป.ทวีลาภ ร้านขายของชำ กล่าวว่า ปีนี้บรรยากาศการซื้อของเซ่นไหว้ เงียบเหงาที่สุดในรอบ 3 ปี เพราะประชาชนมีรายได้น้อย และไม่รู้ว่าจะหารายได้เพิ่มจากไหน ดังนั้น จึงจับจ่ายเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น ทำให้ยอดการขายปีนี้ลดลงไปกว่าร้อยละ 50 ซึ่งถ้าเทียบกับปีที่แล้ว บรรยากาศซบเซาลงไปมาก ส่วนใหญ่จะแค่เดินมาถามราคาแล้วสุดท้ายก็ไม่ซื้อ
ด้านนางจินตนา ธนะฤทธิชัย ประชาชน กล่าวว่า ปีนี้ยังคงซื้อไก่ไหว้เจ้า แม้ว่าจะมีการระบาดของไข้หวัดนก เพราะมั่นใจว่า ไก่ที่ต้มสุกแล้วจะปลอดภัย ส่วนการจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้ปีนี้ ก็ซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็นและพอเพียงในการไหว้เจ้า เช่น ซาแซ (ไก่ เป็ด หมู) และผลไม้เท่านั้น ส่วนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง มองว่า ขึ้นกับการจับจ่ายของแต่ละคนมากกว่า เพราะหากมีน้อยใช้น้อย ก็จะเพียงพอ แต่ถ้ามีน้อยใช้มาก ก็ทำให้เกิดภาวะฝืดเคืองได้
สำหรับราคาสินค้าปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยองุ่น กก.ละ 350 บาท สาลี่หิมะ ลูกละ 50 บาท แอปเปิล 3 ใบ 100 บาท เชอรี่จับโบ้ กก.ละ 650-700 บาท ลูกพรุน กก.ละ 300 บาท ส้ม กก.ละ 100 บาท ขนมเข่ง คู่ละ 12 บาท ขนมเทียน ชิ้นละ 4 บาท กุ้งแชบ๊วยทะเล กก.ละ 280-550 บาท ปูม้า กก.ละ 350 บาท ปลาจาระเม็ด กก.ละ 250 บาท ปลากระพงขาว ตัวละ 270 บาท เห็ดหอม กก.ละ 380-400 บาท แปะก๊วย กก.ละ 100 บาท เกาลัด กก.ละ 200 บาท
บรรยากาศในวันจ่ายเทศกาลสารทจีน ปี 2549 ที่ตลาดเก่า เยาวราช บรรยากาศไม่ค่อยคึกคัก ชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้ซึ่งตรงกับวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) ค่อนข้างบางตาไม่เนืองแน่นเหมือนปีที่ผ่านมา และพบว่าพฤติกรรมการจับจ่ายของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป โดยลดปริมาณการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ลง โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า สภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองทำให้หารายได้ยากขึ้น จึงซื้อเครื่องเซ่นไหว้ตามความจำเป็น ส่วนการซื้อไก่ เป็ดไหว้เจ้า พบว่า มีประชาชนซื้อค่อนข้างบางตา และปริมาณเป็ด ไก่ที่ออกมาสู่ตลาดมีน้อยลง โดยประชาชนบางส่วนเปลี่ยนเครื่องเซ่นไหว้ไปซื้อปลา กุ้ง และอาหารทะเลอื่นๆ แทน เพราะยังห่วงต่อการระบาดของไข้หวัดนก
เจ้าของร้านหมวย ตลาดเก่า เยาวราช กล่าวว่า สารทจีนปีนี้ขายไก่ได้ไม่ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาไข้หวัดนก ทำให้ประชาชนงดซื้อ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คนไม่มีเงิน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี วันนี้ยังขายได้ไม่คุ้มทุน แต่ก็จำเป็นต้องขาย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีรายได้ ทั้งที่ช่วงสารทจีนเป็นช่วงเวลาทองของการขายเป็ด ไก่ แต่ปีนี้กลับขายได้น้อยลง และไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเมื่อใด โดยราคาไก่เหลือตัวละ 170 บาท เป็ด 250 บาท ก็ยังขายไม่ได้
เจ้าของร้าน ป.ทวีลาภ ร้านขายของชำ กล่าวว่า ปีนี้บรรยากาศการซื้อของเซ่นไหว้ เงียบเหงาที่สุดในรอบ 3 ปี เพราะประชาชนมีรายได้น้อย และไม่รู้ว่าจะหารายได้เพิ่มจากไหน ดังนั้น จึงจับจ่ายเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น ทำให้ยอดการขายปีนี้ลดลงไปกว่าร้อยละ 50 ซึ่งถ้าเทียบกับปีที่แล้ว บรรยากาศซบเซาลงไปมาก ส่วนใหญ่จะแค่เดินมาถามราคาแล้วสุดท้ายก็ไม่ซื้อ
ด้านนางจินตนา ธนะฤทธิชัย ประชาชน กล่าวว่า ปีนี้ยังคงซื้อไก่ไหว้เจ้า แม้ว่าจะมีการระบาดของไข้หวัดนก เพราะมั่นใจว่า ไก่ที่ต้มสุกแล้วจะปลอดภัย ส่วนการจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้ปีนี้ ก็ซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็นและพอเพียงในการไหว้เจ้า เช่น ซาแซ (ไก่ เป็ด หมู) และผลไม้เท่านั้น ส่วนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง มองว่า ขึ้นกับการจับจ่ายของแต่ละคนมากกว่า เพราะหากมีน้อยใช้น้อย ก็จะเพียงพอ แต่ถ้ามีน้อยใช้มาก ก็ทำให้เกิดภาวะฝืดเคืองได้
สำหรับราคาสินค้าปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยองุ่น กก.ละ 350 บาท สาลี่หิมะ ลูกละ 50 บาท แอปเปิล 3 ใบ 100 บาท เชอรี่จับโบ้ กก.ละ 650-700 บาท ลูกพรุน กก.ละ 300 บาท ส้ม กก.ละ 100 บาท ขนมเข่ง คู่ละ 12 บาท ขนมเทียน ชิ้นละ 4 บาท กุ้งแชบ๊วยทะเล กก.ละ 280-550 บาท ปูม้า กก.ละ 350 บาท ปลาจาระเม็ด กก.ละ 250 บาท ปลากระพงขาว ตัวละ 270 บาท เห็ดหอม กก.ละ 380-400 บาท แปะก๊วย กก.ละ 100 บาท เกาลัด กก.ละ 200 บาท