xs
xsm
sm
md
lg

บ้านเอื้ออาทรจากคำหวาน...เป็นยาพิษประชานิยมต้มคนจนของทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุชาติ ก้งเส้ง อดีตแชมป์มวยไทยอาชีพ
บ้านเอื้ออาทรไม่เอื้ออาทรจริง ประชานิยมทักษิณต้มรากหญ้าจนเปื่อย อดีตแชมป์มวยไทย และเพื่อนร่วมชะตากรรมฉายผ่านชีวิตช้ำ ความฝันจะได้บ้านหลังแรกพังทลาย จากเงื่อนไขให้ผ่อน 1,500 กลายเป็น 5,000 บาท ราคาหลังละ 3 แสนกว่าผ่อนเสร็จกลายเป็น 8แสน


โครงการประชานิยมเอื้ออาทรของรัฐบาลรักษาการกำลังหวนคืนมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในระยะข้างหน้าที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้แล้ว การหาเสียงกับคนระดับรากหญ้าอาจจะถูกปั่นฝุ่นขึ้นมาเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้แก่ “ทักษิณ ชินวัตร” ครั้งใหม่ แต่ทว่า ประชานิยมเอื้ออาทรของรัฐบาลชุดนี้อาจไม่สวยหรูเหมือนดังที่คนระดับรากหญ้าฝันและตั้งความหวังไว้...ดังคำโฆษณาชวนเชื่อของทักษิณ!!!

ยกตัวอย่างโครงการบ้านเอื้ออาทร ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2548 ทักษิณ ประกาศโรดแมปด้านที่อยู่อาศัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า .... คนที่มีบ้านอยู่มีความรู้สึกดีกว่าคนไม่มีบ้าน พลังความสามารถในการสร้างสรรค์ของเขามีมาก การหาบ้านให้คนจนเป็นการแก้ปัญหาสังคม ตนถือว่าปัญหาเรื่องบ้านเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลมี 3 โครงการเพื่อแก้ปัญหาคือ 1.นำพื้นที่สลัม จัดเป็นบ้านมั่นคง ผู้อยู่อาศัยมีความมั่นคง ไม่ต้องไล่รื้อ ไม่ต้องถูกลอบวางเพลิง สภาวะแวดล้อมดีขึ้น ใช้เวลาดำเนินการบ้านมั่นคง 4 ปี สร้าง 285,000 หลัง ตั้งงบประมาณไว้ 19,000 ล้านบาท 2.โครงการบ้านเอื้ออาทร ถือเป็นบ้านของคนที่พอมีรายได้ ผ่อนชำระ 1,500 บาทต่อเดือน ไม่ต้องมีเงินดาวน์ ตั้งเป้าสร้าง 400,000-500,000 หลัง 3.บ้านน็อกดาวน์หรือบ้านแฮบิแทต (Habitat) เป็นแบบบ้านที่ง่ายมีประโยชน์ใช้สอย ชาวบ้านช่วยกันสร้างได้ตั้งเป้าไว้ประมาณ 500,000 หลัง

พอถึงวันนี้ เป็นอย่างไร ?? ดูกรณีคุณสุชาติ ก้งเส้ง อดีตแชมป์มวยไทยอาชีพ เวทีลุมพินี ที่แฟนมวยรู้จักดีในนาม “ดาวตรัง ต.บุญเลิศ” ที่หลงเชื่อทักษิณ

คุณสุชาติ เล่าวถึงความขมขื่นว่า เมื่อ 2 ปีก่อน สุชาติ ก้งเส้ง อดีตแชมป์มวยไทยอาชีพ เวทีลุมพินี รุ่น 104 ปอนด์ หอบหิ้วภรรยา และลูก 2 คนย้ายจากหอพักย่านปิ่นเกล้ามาเช่าห้องเล็กๆในละแวกหนองแขม ยอมย้ายลูกมาเรียนโรงเรียนแห่งใหม่กลางคัน ขณะที่ตัวเองเดินทางไป-มาเข้ามาทำงานเป็นเทรนเนอร์ให้นักมวยย่านราชดำเนินกลางกรุง ยอมเสียค่ารถหลายต่อ วันละหลายร้อยบาท เพียงเพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ๆ บ้านหลังแรกที่จองซื้อไว้ ในชื่อ “โครงการบ้านเอื้ออาทร” เพชรเกษม 81

สุชาติ ก็เหมือนคนมีรายได้น้อยอีกนับพันที่ผ่านขั้นตอนการคัดเลือก และจับสลากได้มีสิทธิ์ซื้อโครงการนี้ซึ่งจัดสร้างเป็นอาคารชุด 5 ชั้น จำนวน 1,708 หน่วย แม้จะไกลเพราะ ตั้งอยู่ซอยชัยสิทธิ 2 ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ เขตหนองแขม กรุงเทพฯ แต่สุชาติ ภรรยา และ ลูกก็นับวันรอคอยจะได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ซึ่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จ และส่งมอบให้ผู้ได้สิทธิประมาณเดือนกันยายน 2549 นี้

“ผมพาลูกขึ้นไปดู 4 ครั้งแล้ว บ้านสวย น่าอยู่ มองจากข้างนอกเหมือนคอนโดฯหรูเลยล่ะ ลูกถามว่า พ่อๆเมื่อไรพ่อจะพาหนูมาอยู่ซะที” สุชาติ เล่าให้ฟังถึงความรู้สึกตื่นเต้น และหวังของสมาชิกภายในครอบครัวที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยบ้านใหม่แห่งนี้

สุชาติ จับสลากได้สิทธิ์ซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร และการเคหะแห่งชาติเรียกมาทำสัญญาจะซื้อจะขายเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2547 พอได้รับหนังสือแจ้งจากการเคหะแห่งชาติ ว่าได้สิทธิ์ในการซื้อบ้านเอื้ออาทรโครงการเพชรเกษม 81 เขตหนองแขม ซึ่งสร้างเป็นอาคารชุด 5 ชั้น จำนวน 1,708 หน่วย แม้จะไกลเพราะอยู่ซอยชัยสิทธิ์ 2 ถนนเลียบคลองเจริญภาษีฝั่งเหนือ เขตหนองแขม กรุงเทพฯ

“ผมดีใจมาก จ่ายเงินค่าสัญญาไปแล้ว โทรศัพท์ก็จะติดตั้งในชื่อผมแล้ว แต่ตอนนี้เมียผมร้องให้ทุกคืน ผมตัดสินใจไม่เอาแล้วสู้ไม่ไหว ผมเชื่อว่าผู้ที่ซื้อบ้านเอื้ออาทรทุกราย ก็คงเป็นเช่นเดียวกับผม”

เช่นเดียวกับ คุณกนกเพชร ฉัตรรัตนกัมพล หนึ่งในผู้ได้สิทธิ์บ้านเอื้ออาทรเพชรเกษม 81 ที่ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจาก คุณสุชาติ ก้งเส้ง ซึ่งความหวังและความฝันของครอบครัวที่จะมีที่อยู่อาศัยไว้ให้ลูกน้อยต้องพังทลายลงเพราะสู้เงินค่าผ่อนเดือนละ 5,000 บาท จากที่คิดว่าจะต้องจ่ายเพียงเดือนละ 1,500 บาท ตามที่ทักษิณ โฆษณา ไม่ได้

“ผมอยากถาม นี่หรือที่บอกว่าบ้านราคาถูกเพื่อคนจน ต้องการให้คนจนมีที่อยู่ของตนเอง แล้วอย่างนี้มันเอื้ออาทรตรงไหน คำว่า เอื้ออาทร ฟังดูดี แต่ตอนนี้ได้ทำร้ายหัวใจคนที่ฝันว่าจะมีบ้านมาตลอดชีวิตชัดๆ เสียแรงที่เทคะแนนให้ และเชื่อนายกฯ ที่พูดว่าทำทำอย่างเพื่อคนจน ที่แท้ต้องการหาเสียง” นายกนกเพชร เล่าถึงความเจ็บปวด

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของออมสินยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลให้ข้อมูลที่คลุมเครือแก่ประชาชนผู้ซื้อบ้านเอื้ออาทร ในใบโฆษณาไม่มีการชี้แจงหรืออธิบายให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้อง พอหมดระยะที่ลูกค้าผ่อนกับการเคหะฯคือเดือนละ 1,500 บาทแล้ว จากนั้นก็ต้องไปขอกู้กับธนาคารที่ปล่อยกู้ คือ ออมสินกับอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ทางธนาคารก็ต้องพิจารณาตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด เช่น มีปัญหาเรื่องเครดิตหรือไม่ มีเงินเดือนเท่าไหร่ มีกระแสเงินฝากหมุนเวียนอย่างไร และต้องเสียดอกเบี้ยลอยตัว 7% เป็นต้น ซึ่งพอคิดเงินต้นบวกกับดอกเบี้ยก็ต้องผ่อนชำระเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละประมาณ 5,000 บาท

พอถึงตอนขอกู้ธนาคาร นี่คือของจริงว่าจะต้องผ่อนเท่าไหร่กันแน่ มันไม่ใช่ 1,500 บาทต่อเดือนแล้ว แต่เป็น 5,000 บาท แทน ก็ทิ้งกันหมด เพราะผ่อนไม่ไหว และ เมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์ปล่อยกู้ของธนาคาร ผู้กู้ซื้อบ้านเอื้ออาทรส่วนใหญ่เป็นคนจนหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผ่าน แบงก์ก็ไม่ปล่อยกู้ให้ หรือบางรายที่ธนาคารยืดหยุ่นปล่อยกู้ให้แต่ก็เริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระ เพราะรายได้ของคนจนไม่แน่นอน

ตอนนี้โครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีปัญหาขอกู้แบงก์ไม่ผ่านนั้นมีมากมายหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น โครงการบ้านเอื้ออาทรรัตนาธิเบศร์-ท่าอิฐ ผู้กู้ขอสินเชื่อแล้วไม่ผ่านมากกว่า 50% หรือที่จ.นครปฐม มี 612 ยูนิต ขอสินเชื่อผ่านเพียง 108 รายเท่านั้น

ดังนั้น ที่ “ทักษิณ” โฆษณาว่าจะหาบ้านให้คนจนมันก็เรื่องหลอกกันทั้งเพ!

เจ้าหน้าที่ของออมสิน ยังแฉว่า เหตุที่โครงการบ้านเอื้ออาทรมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนี้การเคหะฯได้เปลี่ยนระบบรับซื้อโครงการเป็นระบบเทิร์นคีย์ คือ ให้ผู้รับเหมาจัดหาโครงการและทำยอดขายกับคนที่ต้องการซื้อบ้านให้ได้ตามเกณฑ์ของการเคหะฯ คือ 2 เท่าของจำนวนหน่วยขาย เมื่อถึงเวลาจริงๆ ที่ต้องมาขอกู้กับธนาคาร ก็ปรากฎว่า คนที่เสนอขอกู้หายไปกว่า 50% พูดง่ายๆ ว่า มีการสร้างความต้องการซื้อเทียมขึ้นมา

โครงการบ้านเอื้ออาทรที่เริ่มสร้างกันมาตั้งแต่ปี 2546-2548 นั้น ประมาณ 300,000 หน่วยนั้น การเคหะฯ ได้ลงนามในสัญญาแล้ว 166,428 หน่วย และอยู่ระหว่างการประกวดราคา/จัดทำแบบ/คัดเลือกโครงการ จำนวน 98,758 หน่วย ส่วนโครงการที่รอส่งมอบสถานที่ จำนวน 18,322 หน่วย สำหรับโครงการล็อตสุดท้ายที่จะก่อสร้างในปี 2550-2551 จำนวน 180,000-200,000 หน่วย ตอนนี้การเคหะฯกำลังจะปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 5,000-10,000 บาทต่อหน่วยซึ่งจะทำให้ต้องผ่อนชำระค่างวดกับธนาคารเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น