ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาดเดินหน้ารุกตลาดอาหารแช่แข็งพร้อมทานและเบเกอรี่เต็มกำลัง ประกาศอัดงบลงทุนในปีนี้และปีหน้ารวมกว่า 600 ล้านบาทเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตอาหารกล่องและเบเกอรี่ใหม่ หวังรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดส่งออกพบว่ามีศักยภาพสูงและคู่แข่งน้อย คาดสัดส่วนปีหน้าเป็น 50 : 50 พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด (กิจการอาหารสำเร็จรูปแช่เยือกแข็ง) หรือซีพีแรม ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปแช่เยือกแข็งแบรนด์มังกรหยก,เดลี่ไทย และเบเกอรี่ เช่น แบรนด์เบเกอร์แลนด์,เลอแปง และมิสแมรี่ เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของบริษัทฯในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปีนี้ 300 ล้านบาทลงทุนในส่วนของการก่อสร้างโรงงานใหม่หรือโรงงานดีเพื่อรองรับการผลิตข้าวกล่องและอาหารชิลในประเทศ คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นปีหน้า
ปัจจุบันมี 3 โรงงานตั้งอยู่ที่ปทุมธานี แบ่งเป็น โรงงานเอผลิตติ่มซำและอาหารกลุ่มสแน็ค,โรงงานบีผลิตอาหารกล่อง เช่น ผลิตข้าวกล่องให้เซเว่น อีเลฟเว่นภายใต้แบรนด์อีซี่ย์-โก และโรงงานซีผลิตติ่มซำนึ่ง ทั้งนี้หากโรงงานดีสร้างเสร็จจะมีการปรับการผลิตบางส่วนเพื่อลดช่องว่างและขยายกำลังผลิตได้เต็มที่ เช่น ขยายกำลังผลิตจากโรงงานเอมาที่บี และเดิมที่ผลิตข้าวกล่องย้ายมาที่โรงงานบี ฯลฯ ขณะที่ด้านกำลังผลิตในปัจจุบันของทุกโรงงานจะมีการขยายกำลังผลิตทุกๆปีประมาณปีละ 15-20%
ขณะที่ปีหน้าจะเน้นลงทุนหนักไปที่โรงงานเบเกอรี่เป็นหลัก ขณะนี้กลุ่มเบเกอรี่มี 5 โรงงาน ได้แก่ ที่ลาดกระบังเป็นโรงงานใหญ่, ที่ขอนแก่น,เชียงใหม่,หาดใหญ่ และพิษณุโลก ในปีหน้าบริษัทฯเตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสร้างโรงงานเพิ่มที่ลาดกระบัง 2 ประมาณ 150 ล้านบาท ,การขยายกำลังผลิตที่ขอนแก่นอีก 50 ล้านบาท และงบที่เหลือจะใช้ปรับปรุงโรงงานอาหารแช่แข็งที่ปทุมธานี
ทั้งนี้หากโรงงานสร้างเบเกอรี่สร้างเสร็จในปีหน้าจะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 3.5 แสนชิ้นต่อวันไปเป็น 7 แสนชิ้นต่อวัน
รุกตลาดส่งออกเชื่อสัดส่วนปีหน้าเป็น 50 : 50
การลงทุนของบริษัทฯเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศในส่วนของกลุ่มอาหารแช่แข็งพร้อมทานทั้งแบรนด์มังกรหยกและเดลี่ไทยคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 50% เนื่องจากพบว่าตลาดมีศักยภาพการเติบโตสูง และมีคู่แข่งน้อย เช่น จีนและเวียดนาม ซึ่งเน้นตลาดกลุ่มล่าง ขณะที่สินค้าของบริษัทฯเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม
ปัจจุบันบริษัทฯส่งออกสินค้าอาหารแช่แข็งไปขายกว่า 22-23 ประเทศ โดยตลาดหลักอยู่ที่ยุโรป เช่น อังกฤษ,ฝรั่งเศส,สเปน ฯลฯ คิดเป็นสัดส่วน 80-90% ในอนาคตเล็งขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย,แคนาดา และอเมริกา ซึ่งพบว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่มาก
ทั้งนี้สัดส่วนยอดขายอาหารแช่แข็งแบ่งเป็นในประเทศ 55% และส่งออก 45% ซึ่งจากการรุกตลาดส่งออกมากขึ้นเชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเปลี่ยนไปเป็น 50:50 ในปีหน้า และภายใน2-3 ปีข้างหน้าเชื่อว่าสัดส่วนยอดต่างประเทศจะเป็น 60-65%
สินค้าของบริษัทฯในกลุ่มอาหารแช่แข็งพร้อมทานมี 3 กลุ่ม ได้แก่ ติ่มซำแบรนด์มังกรหยก , อาหารพร้อมรับประทานเดลี่ไทย และอื่นๆ เช่น รับจ้างผลิตให้แบรนด์อื่น โดยลูกค้าหลักมี 5-6 แบรนด์ เช่น มาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์,เทสโกและเซนต์เบอรี่ เป็นต้น ส่วนเบเกอรี่มี 3 แบรนด์ ได้แก่ เบเกอร์แลนด์เน้นทำตลาดให้เซเว่นฯคิดเป็นสัดส่วน 80% ส่วนเลอแปงและมิสแมรี่เน้นขายทั่วไป
“ในครึ่งปีหลังนี้เราเตรียมเปิดตัวสินค้าเดือนละ 1 รายการ โดยในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้เล็งเปิด 3 เมนูในกลุ่มข้าวกล่อง เช่น ข้าวผัดพริกแกงหมูและข้าวผัดต้มยำทะเล ฯลฯ ปัจจุบันสินค้าอาหารแช่แข็งขณะนี้ของเรามีกว่า 600 เมนู โดยในแต่ละปีจะเปิดตัวสินค้า 120 รายการ แบ่งเป็น ข้าวกล่อง 20 รายการและเมนูติ่มซำ 100 รายการ”
สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทฯคาดหวังยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอาหารแช่แข็ง 1,800 ล้านบาทหรือมีการเติบโต 20% จากปีที่แล้วมียอดขาย 1,600 ล้านบาท ทั้งนี้ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดขายเป็นไปตามเป้าโดย ส่วนเบเกอรี่ปีนี้ตั้งเป้ากว่า 1,000 ล้านบาทหรือเติบโตขึ้น 20-25% จากปีที่แล้วยอดขาย 700 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดรวมของอาหารแช่แข็งพร้อมทานมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดติ่มซำ 1,000 ล้านบาท โดยตลาดมีอัตราการโต15% ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ที่ 80% รองมาเป็นสุรพลฟู้ด ส่วนตลาดอาหารแช่แข็งพร้อมทานมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทและมีอัตราการโต 15-20% ปัจจุบันบริษัทฯเป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์ 50% จากแบรนด์ของบริษัทฯเองและอีซีย์-โกที่ผลิตให้บริษัทแม่เซเว่นฯ ส่วนมูลค่ารวมของเบเกอรี่มีกว่า 3,000 ล้านบาทและมีการเติบโตกว่า 20% บริษัทฯมีแชร์กว่า 20%
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด (กิจการอาหารสำเร็จรูปแช่เยือกแข็ง) หรือซีพีแรม ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปแช่เยือกแข็งแบรนด์มังกรหยก,เดลี่ไทย และเบเกอรี่ เช่น แบรนด์เบเกอร์แลนด์,เลอแปง และมิสแมรี่ เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของบริษัทฯในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปีนี้ 300 ล้านบาทลงทุนในส่วนของการก่อสร้างโรงงานใหม่หรือโรงงานดีเพื่อรองรับการผลิตข้าวกล่องและอาหารชิลในประเทศ คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นปีหน้า
ปัจจุบันมี 3 โรงงานตั้งอยู่ที่ปทุมธานี แบ่งเป็น โรงงานเอผลิตติ่มซำและอาหารกลุ่มสแน็ค,โรงงานบีผลิตอาหารกล่อง เช่น ผลิตข้าวกล่องให้เซเว่น อีเลฟเว่นภายใต้แบรนด์อีซี่ย์-โก และโรงงานซีผลิตติ่มซำนึ่ง ทั้งนี้หากโรงงานดีสร้างเสร็จจะมีการปรับการผลิตบางส่วนเพื่อลดช่องว่างและขยายกำลังผลิตได้เต็มที่ เช่น ขยายกำลังผลิตจากโรงงานเอมาที่บี และเดิมที่ผลิตข้าวกล่องย้ายมาที่โรงงานบี ฯลฯ ขณะที่ด้านกำลังผลิตในปัจจุบันของทุกโรงงานจะมีการขยายกำลังผลิตทุกๆปีประมาณปีละ 15-20%
ขณะที่ปีหน้าจะเน้นลงทุนหนักไปที่โรงงานเบเกอรี่เป็นหลัก ขณะนี้กลุ่มเบเกอรี่มี 5 โรงงาน ได้แก่ ที่ลาดกระบังเป็นโรงงานใหญ่, ที่ขอนแก่น,เชียงใหม่,หาดใหญ่ และพิษณุโลก ในปีหน้าบริษัทฯเตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสร้างโรงงานเพิ่มที่ลาดกระบัง 2 ประมาณ 150 ล้านบาท ,การขยายกำลังผลิตที่ขอนแก่นอีก 50 ล้านบาท และงบที่เหลือจะใช้ปรับปรุงโรงงานอาหารแช่แข็งที่ปทุมธานี
ทั้งนี้หากโรงงานสร้างเบเกอรี่สร้างเสร็จในปีหน้าจะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 3.5 แสนชิ้นต่อวันไปเป็น 7 แสนชิ้นต่อวัน
รุกตลาดส่งออกเชื่อสัดส่วนปีหน้าเป็น 50 : 50
การลงทุนของบริษัทฯเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศในส่วนของกลุ่มอาหารแช่แข็งพร้อมทานทั้งแบรนด์มังกรหยกและเดลี่ไทยคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 50% เนื่องจากพบว่าตลาดมีศักยภาพการเติบโตสูง และมีคู่แข่งน้อย เช่น จีนและเวียดนาม ซึ่งเน้นตลาดกลุ่มล่าง ขณะที่สินค้าของบริษัทฯเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม
ปัจจุบันบริษัทฯส่งออกสินค้าอาหารแช่แข็งไปขายกว่า 22-23 ประเทศ โดยตลาดหลักอยู่ที่ยุโรป เช่น อังกฤษ,ฝรั่งเศส,สเปน ฯลฯ คิดเป็นสัดส่วน 80-90% ในอนาคตเล็งขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย,แคนาดา และอเมริกา ซึ่งพบว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่มาก
ทั้งนี้สัดส่วนยอดขายอาหารแช่แข็งแบ่งเป็นในประเทศ 55% และส่งออก 45% ซึ่งจากการรุกตลาดส่งออกมากขึ้นเชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเปลี่ยนไปเป็น 50:50 ในปีหน้า และภายใน2-3 ปีข้างหน้าเชื่อว่าสัดส่วนยอดต่างประเทศจะเป็น 60-65%
สินค้าของบริษัทฯในกลุ่มอาหารแช่แข็งพร้อมทานมี 3 กลุ่ม ได้แก่ ติ่มซำแบรนด์มังกรหยก , อาหารพร้อมรับประทานเดลี่ไทย และอื่นๆ เช่น รับจ้างผลิตให้แบรนด์อื่น โดยลูกค้าหลักมี 5-6 แบรนด์ เช่น มาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์,เทสโกและเซนต์เบอรี่ เป็นต้น ส่วนเบเกอรี่มี 3 แบรนด์ ได้แก่ เบเกอร์แลนด์เน้นทำตลาดให้เซเว่นฯคิดเป็นสัดส่วน 80% ส่วนเลอแปงและมิสแมรี่เน้นขายทั่วไป
“ในครึ่งปีหลังนี้เราเตรียมเปิดตัวสินค้าเดือนละ 1 รายการ โดยในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้เล็งเปิด 3 เมนูในกลุ่มข้าวกล่อง เช่น ข้าวผัดพริกแกงหมูและข้าวผัดต้มยำทะเล ฯลฯ ปัจจุบันสินค้าอาหารแช่แข็งขณะนี้ของเรามีกว่า 600 เมนู โดยในแต่ละปีจะเปิดตัวสินค้า 120 รายการ แบ่งเป็น ข้าวกล่อง 20 รายการและเมนูติ่มซำ 100 รายการ”
สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทฯคาดหวังยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอาหารแช่แข็ง 1,800 ล้านบาทหรือมีการเติบโต 20% จากปีที่แล้วมียอดขาย 1,600 ล้านบาท ทั้งนี้ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดขายเป็นไปตามเป้าโดย ส่วนเบเกอรี่ปีนี้ตั้งเป้ากว่า 1,000 ล้านบาทหรือเติบโตขึ้น 20-25% จากปีที่แล้วยอดขาย 700 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดรวมของอาหารแช่แข็งพร้อมทานมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดติ่มซำ 1,000 ล้านบาท โดยตลาดมีอัตราการโต15% ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ที่ 80% รองมาเป็นสุรพลฟู้ด ส่วนตลาดอาหารแช่แข็งพร้อมทานมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทและมีอัตราการโต 15-20% ปัจจุบันบริษัทฯเป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์ 50% จากแบรนด์ของบริษัทฯเองและอีซีย์-โกที่ผลิตให้บริษัทแม่เซเว่นฯ ส่วนมูลค่ารวมของเบเกอรี่มีกว่า 3,000 ล้านบาทและมีการเติบโตกว่า 20% บริษัทฯมีแชร์กว่า 20%