ยูเนี่ยนแพนเผยตลาดจัดแสดสินค้าครึ่งปีแรกโหด ต้องทำการบ้านหนัก แต่ส่งผลดีมีลูกค้าแท้จริงชมงานเต็มร้อย ชี้ 15 ต.ค.เลือกตั้งส.ส.ใหม่คลี่คลายสถานการณ์เพียงบางส่วน มั่นใจเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ เดินหน้าจัดงาน “ไทยแลนด์ แกรนด์ เอ็กซ์โป” รวม 6 งานใหญ่ไว้ในที่เดียว แย้มไฮไลท์เพียบ พลาดไม่ได้ ตั้งเป้าเงินสะพัด 150 ล้านบาท
นางวชิรา จิตศักดานนท์ ผู้อำนวยโครงการพิเศษ บริษัท ยูเนี่ยนแพน เอ็กซ์ซิบิชั่นส์ จำกัด ผู้นำตลาดในการจัดงานแสดงสินค้า เปิดเผยถึงตลาดการจัดแสดงสินค้าในครึ่งปี 49 ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าต้องทำการบ้านในการจัดงานแสดงสินค้าอย่างหนัก เพราะในปีนี้ตลาดดังกล่าวมีการชะลอตัวอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 48 ที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในปีนี้จะขายบูธได้ยากขึ้น เพราะลูกค้าที่เคยร่วมออกบูธบ่อยๆก็เริ่มชะลอตัวและเลือกออกงานที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงเท่านั้น แต่การที่ต้องเหนื่อยมากขึ้นก็ส่งผลดีต่อบริษัท ในแง่ของการเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าอย่างแท้จริง ส่งผลให้ลูกค้ายังเลือกที่ร่วมออกบูธด้วย และทุกครั้งที่จัดงานก็มีผู้เข้าชมงานรวมถึงเกิดการซื้อ การขายอย่างแท้จริงเต็ม100% ผิดจากก่อนหน้านี้ ที่มีผู้ซื้อจริงเพียง 60%
“เราต้องทำการบ้านเป็นอย่างมาก เพราะต้องตีโจทย์ให้แตกว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไรเพิ่มนอกเหนือจากการซื้อ-ขายสินค้า เรียกว่าเหนื่อยขึ้นเท่าตัว เพราะจำนวนผู้เข้าร่วมออกบูธลดลง 10-20% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็ก ส่วนลูกค้ารายใหญ่ก็ยังมาร่วมงานด้วยตลอด และจะเป็นผู้ที่มีเทคนิคในการออกบูธ สามารถตอบสนองตลาดได้อย่างแท้จริง สำหรับในแง่การประชาสัมพันธ์ก็เท่าเดิม แต่จะเพิ่มในงบประมาณทำโปรโมชั่นและส่งเสริมการตลาดมากขึ้น จากเดิม 20% เป็น40% ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มี Activity มากที่สุดในประวัติการณ์”นางวชิรา กล่าว
สำหรับงาน” พาราไดซ์ เอ็กซ์โป”ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-25 มิ.ย. 49 ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ จากเดิมที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงาน 2-3 แสนคน กลับมีถึง 5 แสนคน โดยมีกระแสเงินหมุนเวียนเข้ามาประมาณ 100-150 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มตลาดการจัดงานแสดงสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังนี้มองว่า คงต้องทำการบ้านหนักกว่าครึ่งปีแรกอีก 1 เท่าตัว เพราะเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก ประกอบกับในวันที่ 15 ต.ค.49 นี้จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวแม้จะส่งผลให้สถานการณ์คลี่คลายไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ในแง่นักลงทุนยังมีการชะลอตัวอยู่ หากจะให้สถานการณ์ดีขึ้นคงต้องรอให้พ้นปลายปี49 ไปเสียก่อน ดังนั้นในครึ่งปีหลังนี้เท่ากับเป็นการรับมือสถานการณ์มากกว่า
“ในแง่ของการทำตลาด เราต้องเจาะบริษัทใหญ่ทั้งที่อยู่ในตลาดฯและนอกตลาดฯที่มีเม็ดเงินมากขึ้น โดยเน้นสินค้าแบรนด์ดังที่สามารถเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคได้ เพื่อดึงดูดความสนใจ”
สำหรับงานครั้งต่อไปที่บริษัทจะจัดขึ้นคือ “ไทยแลนด์ แกรนด์ เอ็กซ์โป” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ส.ค.-3 ก.ย.49 ณ ฮอลล์1-4 อิมแพค เมืองทองธานีซึ่งในช่วงของการจัดงาน ช่วงเสาร์-อาทิตย์ เป็นการรวม 6 งานใหญ่ครบทุกรูปแบบในงานเดียว ได้แก่
1. เฟอร์นิเจอร์ เอ็กซ์โป นอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีร่วมออกบูธและจัดทำโปรโมชั่นเองแล้ว ยังมีอีก 3 ไฮไลท์ใหญ่ คือ มี”มุมซุปเปอร์ช็อค” ด้วยการนำสินค้าคุณภาพเกรดเอจากโรงงานจากเกือบ 50-60 บริษัท ๆละ 1-2 ชิ้น มาขายในราคาถูกโดยลดราคาตั้งแต่ 80-90% อีกมุมคือ “มุมสมบัติผลัดกันชม” คือให้มีการนำสินค้าเก่าเก็บและไม่ต้องการแล้วมาประกาศขาย โดยไม่ผ่านคนกลางแต่อย่างใด รวมไปถึงคนที่มีฐานะและอยากขายของเก่าเพื่อมาแลกซื้อเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ โดยบริษัทจะจัดพื้นที่ประมาณ 100 ตรม. เป็นเวทีและติดตั้งบอร์ดสำหรับติดประกาศขายสินค้า มุมสุดท้ายคือ “นิทรรศการของหายาก” ซึ่งเป็นการรวมของหายาก ของแปลก มาให้ชมในงาน เช่นแจกันราชวงศ์ชิง,
2. เวดดิ้ง เอ็กซ์โป เป็นการโชว์งานวิวาห์ครบวงจร มีการจัดนิทรรศการแห่งความรัก คือเป็นงานแต่งงานของดาราดังหลายคู่ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เช่น เป้-วรรณษา และฟลุ๊ค-โบว์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดแข่งขันอุ้มรักมาราธอน ซึ่งจะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ อีกด้วย
3. งานมหกรรมบันเทิง เที่ยวทั่วไทย เป็นการรวมผู้ประกอบการในธุรกิจทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ มาไว้ในงาน เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวจ.ราชบุรี ในการนำของดีมาโชว์มากมาย เช่น ยกตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาไว้ในงาน ฯลฯ 4. แฟมิลี่ แอนด์ไชด์ เอ็กซ์โป เป็นการรวมของเล่น หนังสือ และเสื้อผ้าเด็กไว้ในงาน
5. แฟชั่น แอนด์ จิวเวลรี่ เอ็กซ์โป โดยบริษัทที่มาร่วมในงานจะมีความหลากหลายที่ครบวงจร 6. ฟู๊ด เอ็กซ์โป มีไฮไลท์ที่สำคัญคือ บริการกินฟรีวันละ 1 รอบๆละ 100 ราย เช่น หูฉลาม กระเพาะปลา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีทอล์กโชว์จากดาราชื่อดังอีกมากมาย
งานดังกล่าวตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 4-5 แสนคน ในจำนวนผู้ชมงานนี้คาดว่าเป็นกลุ่มผู้สนใจงานเฟอร์นิเจอร์ 50% , งาน เวดดิ้ง เอ็กซ์โป และแฟชั่น แอนด์ จิวเวลลี่ เอ็กซ์โป 30% , งาน แทรเวลลิ่ง เอ็กซ์โป และ แฟมิลี่ แอนด์ ไชด์ เอ็กซ์โป 20% คาดว่ามีเงินหมุนเวียนสะพัดประมาณ 150 ล้านบาท
นางวชิรา จิตศักดานนท์ ผู้อำนวยโครงการพิเศษ บริษัท ยูเนี่ยนแพน เอ็กซ์ซิบิชั่นส์ จำกัด ผู้นำตลาดในการจัดงานแสดงสินค้า เปิดเผยถึงตลาดการจัดแสดงสินค้าในครึ่งปี 49 ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าต้องทำการบ้านในการจัดงานแสดงสินค้าอย่างหนัก เพราะในปีนี้ตลาดดังกล่าวมีการชะลอตัวอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 48 ที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในปีนี้จะขายบูธได้ยากขึ้น เพราะลูกค้าที่เคยร่วมออกบูธบ่อยๆก็เริ่มชะลอตัวและเลือกออกงานที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงเท่านั้น แต่การที่ต้องเหนื่อยมากขึ้นก็ส่งผลดีต่อบริษัท ในแง่ของการเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าอย่างแท้จริง ส่งผลให้ลูกค้ายังเลือกที่ร่วมออกบูธด้วย และทุกครั้งที่จัดงานก็มีผู้เข้าชมงานรวมถึงเกิดการซื้อ การขายอย่างแท้จริงเต็ม100% ผิดจากก่อนหน้านี้ ที่มีผู้ซื้อจริงเพียง 60%
“เราต้องทำการบ้านเป็นอย่างมาก เพราะต้องตีโจทย์ให้แตกว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไรเพิ่มนอกเหนือจากการซื้อ-ขายสินค้า เรียกว่าเหนื่อยขึ้นเท่าตัว เพราะจำนวนผู้เข้าร่วมออกบูธลดลง 10-20% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็ก ส่วนลูกค้ารายใหญ่ก็ยังมาร่วมงานด้วยตลอด และจะเป็นผู้ที่มีเทคนิคในการออกบูธ สามารถตอบสนองตลาดได้อย่างแท้จริง สำหรับในแง่การประชาสัมพันธ์ก็เท่าเดิม แต่จะเพิ่มในงบประมาณทำโปรโมชั่นและส่งเสริมการตลาดมากขึ้น จากเดิม 20% เป็น40% ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มี Activity มากที่สุดในประวัติการณ์”นางวชิรา กล่าว
สำหรับงาน” พาราไดซ์ เอ็กซ์โป”ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-25 มิ.ย. 49 ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ จากเดิมที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงาน 2-3 แสนคน กลับมีถึง 5 แสนคน โดยมีกระแสเงินหมุนเวียนเข้ามาประมาณ 100-150 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มตลาดการจัดงานแสดงสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังนี้มองว่า คงต้องทำการบ้านหนักกว่าครึ่งปีแรกอีก 1 เท่าตัว เพราะเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก ประกอบกับในวันที่ 15 ต.ค.49 นี้จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวแม้จะส่งผลให้สถานการณ์คลี่คลายไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ในแง่นักลงทุนยังมีการชะลอตัวอยู่ หากจะให้สถานการณ์ดีขึ้นคงต้องรอให้พ้นปลายปี49 ไปเสียก่อน ดังนั้นในครึ่งปีหลังนี้เท่ากับเป็นการรับมือสถานการณ์มากกว่า
“ในแง่ของการทำตลาด เราต้องเจาะบริษัทใหญ่ทั้งที่อยู่ในตลาดฯและนอกตลาดฯที่มีเม็ดเงินมากขึ้น โดยเน้นสินค้าแบรนด์ดังที่สามารถเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคได้ เพื่อดึงดูดความสนใจ”
สำหรับงานครั้งต่อไปที่บริษัทจะจัดขึ้นคือ “ไทยแลนด์ แกรนด์ เอ็กซ์โป” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ส.ค.-3 ก.ย.49 ณ ฮอลล์1-4 อิมแพค เมืองทองธานีซึ่งในช่วงของการจัดงาน ช่วงเสาร์-อาทิตย์ เป็นการรวม 6 งานใหญ่ครบทุกรูปแบบในงานเดียว ได้แก่
1. เฟอร์นิเจอร์ เอ็กซ์โป นอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีร่วมออกบูธและจัดทำโปรโมชั่นเองแล้ว ยังมีอีก 3 ไฮไลท์ใหญ่ คือ มี”มุมซุปเปอร์ช็อค” ด้วยการนำสินค้าคุณภาพเกรดเอจากโรงงานจากเกือบ 50-60 บริษัท ๆละ 1-2 ชิ้น มาขายในราคาถูกโดยลดราคาตั้งแต่ 80-90% อีกมุมคือ “มุมสมบัติผลัดกันชม” คือให้มีการนำสินค้าเก่าเก็บและไม่ต้องการแล้วมาประกาศขาย โดยไม่ผ่านคนกลางแต่อย่างใด รวมไปถึงคนที่มีฐานะและอยากขายของเก่าเพื่อมาแลกซื้อเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ โดยบริษัทจะจัดพื้นที่ประมาณ 100 ตรม. เป็นเวทีและติดตั้งบอร์ดสำหรับติดประกาศขายสินค้า มุมสุดท้ายคือ “นิทรรศการของหายาก” ซึ่งเป็นการรวมของหายาก ของแปลก มาให้ชมในงาน เช่นแจกันราชวงศ์ชิง,
2. เวดดิ้ง เอ็กซ์โป เป็นการโชว์งานวิวาห์ครบวงจร มีการจัดนิทรรศการแห่งความรัก คือเป็นงานแต่งงานของดาราดังหลายคู่ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เช่น เป้-วรรณษา และฟลุ๊ค-โบว์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดแข่งขันอุ้มรักมาราธอน ซึ่งจะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ อีกด้วย
3. งานมหกรรมบันเทิง เที่ยวทั่วไทย เป็นการรวมผู้ประกอบการในธุรกิจทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ มาไว้ในงาน เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวจ.ราชบุรี ในการนำของดีมาโชว์มากมาย เช่น ยกตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาไว้ในงาน ฯลฯ 4. แฟมิลี่ แอนด์ไชด์ เอ็กซ์โป เป็นการรวมของเล่น หนังสือ และเสื้อผ้าเด็กไว้ในงาน
5. แฟชั่น แอนด์ จิวเวลรี่ เอ็กซ์โป โดยบริษัทที่มาร่วมในงานจะมีความหลากหลายที่ครบวงจร 6. ฟู๊ด เอ็กซ์โป มีไฮไลท์ที่สำคัญคือ บริการกินฟรีวันละ 1 รอบๆละ 100 ราย เช่น หูฉลาม กระเพาะปลา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีทอล์กโชว์จากดาราชื่อดังอีกมากมาย
งานดังกล่าวตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 4-5 แสนคน ในจำนวนผู้ชมงานนี้คาดว่าเป็นกลุ่มผู้สนใจงานเฟอร์นิเจอร์ 50% , งาน เวดดิ้ง เอ็กซ์โป และแฟชั่น แอนด์ จิวเวลลี่ เอ็กซ์โป 30% , งาน แทรเวลลิ่ง เอ็กซ์โป และ แฟมิลี่ แอนด์ ไชด์ เอ็กซ์โป 20% คาดว่ามีเงินหมุนเวียนสะพัดประมาณ 150 ล้านบาท