ถ้าพูดถึง นิตยสาร “จีเอ็ม” นักอ่านนิตยสารทุกคนต้องนึกถึง “ปกรณ์ พงศ์วราภา” เพราะเขาคือผู้ปลุกปั้นกลุ่มจีเอ็มขึ้นมาจนเป็นสำนักพิมพ์ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งมีสิ่งพิมพ์ในเครือมากถึง 9 หัวในเวลานี้
และจากนี้ไป เลือดใหม่ที่ชื่อ “พีศิลป์ พงศ์วราภา” หรือ “ฟิล์ม” ลูกชายของ ปกรณ์ ก็ได้เวลาเริ่มเข้ามาเรียนรู้และบริหารงานในจีเอ็มกรุ๊ป บ้างแล้วเพื่อสานต่อกิจการของพ่อในอนาคต
ทุกวันนี้คนวงนอกอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชื่อ พีศิลป์ เท่าใดนัก แต่วันเวลาจากนี้ไป รวมถึง การซึมซับเอาความรู้และประสบการณ์ที่ถ่ายทอดจากพ่อ จะทำให้เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาสู่แถวหน้าของคนในวงการสิ่งพิมพ์ได้ไม่ยาก
พีศิลป์ จบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านการบริหารคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต แล้วไปต่อที่ออสเตรเลีย ทางด้านอาร์ตและกราฟฟิค ดีไซน์ อายุอานามในวันนี้เพิ่งจะ 26 ปี
สิ่งที่ได้จากพ่อคืออะไรนั้น พีศิลป์ตอบอย่างฉะฉานว่า พ่อสอนว่าเมื่อเราทำหนังสือ หรือทำอะไรก็ตาม เราต้องหนักแน่นในตัวของมัน เป็นธรรมดาที่ทำออกมาอาจจะมีผลตอบกลับมาทั้งดีและไม่ดี แต่ขอให้เราทำต่อไปเรื่อยๆโดยยึดมั่นสิ่งที่เราทำ คนก็จะยอมรับในที่สุด
เขาเริ่มเข้ามาคลุกคลีในจีเอ็มพับลิชชิ่งเมื่อประมาณ เดือนมกราคมปีที่แล้ว โดยเริ่มจากกองบรรณาธิการก่อนในแต่ละเล่ม เพื่อเรียนรู้ความแตกต่างของแต่ละหัวว่าเป็นอย่างไร แล้วไปอยู่ที่ฝ่ายศิลป์ ฝ่ายภาพ ฝ่ายปรู๊ฟ และตอนนี้ก็เริ่มเข้มาดูทางด้านการเงินบ้างแล้ว
เพียงเวลาไม่นาน ไฟในตัวเขาก็ระอุถึงความพยายามที่จะพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเรื่อย ในมุมมองของคนหนุ่มอย่างเขาเอง แม้ว่าอาจจะต้องพานพบกับปัญหา ทั้งในเรื่องของการยอมรับหรือแนวคิดจากคนรุ่นเก่าที่ทำมาอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ในที่สุดเขาก็พยายามพิสูจน์ให้ได้เห็นว่า สิ่งที่เขาเสนอหรือคิดนั้นมันมีความเหมาะสมและความน่าจะเป็นมากกว่า
“เช่นกรณีของ ฝ่ายภาพ เดิมจะใช้การถ่ายภาพด้วยฟิล์ม สไลด์ ผมเสนอว่าน่าจะลองเปลี่ยนมาใช้ เป็นกล้องดิจิตอล ซึ่งคุณพ่อก็เห็นด้วย แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนที่จะปรับเปลี่ยน เพราะช่างภาพเก่าๆเป็นรุ่นพี่ คุ้นกับการใช้ฟิล์มมาตลอด ค่าใช้จ่ายฟิล์มก็สูงมากขึ้นเรื่อยๆ เราเห็นตัวเลขการซื้อฟิล์มแล้วตกใจ ใช้เวลาหลายเดือนเราก็หันมาใช้ดิจิตอลกัน เพราะมันพิสูจน์ให้เห็นว่าดีกว่า ซึ่งพวกพี่ๆเขาก็น่ารักเข้าใจกันดี”
แต่ยกเว้นนิตยสาร โฮมแอนด์เดคคอร์ เท่านั้น ที่ยังคงใช้กล้องฟิล์มอยู่ เพราะเป็นการถ่ายภาพเกี่ยวกับบ้าน การกตกแต่ง ต้องใช้ความคมชัด จึงใช้ฟิล์มอยู่
หรือกรณีของการเปลี่ยนระบบงานของฝ่ายศิลป์ ซึ่งเดิมใช้เพจเมกเกอร์ในการเลย์เอาท์ จะเปลี่ยนเป็น อะโดบี อิน ดีไซน์ ซึ่งต้องส่ง 5 คนไปเรียนเกี่ยวกับของแมคอินทอช แล้วเราต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ 10 เครื่อง แล้วใช้อินดีไซน์ทั้งหมด แล้วสามารถเชื่อมต่อเข้ากับกล้องดิจิตอลที่เปลี่ยนไปแล้วได้ด้วย
หนักใจเหมือนกันเวลาคุมคนอื่นที่มีอายุกว่า แต่ผมรู้ดีในสิ่งที่ผมคิดและเสนอเพราะผมเรียนมาโดยเฉพาะด้านภาพและกราฟฟิกดีไซน์ แต่อย่างเรื่องอื่นที่ผมไม่รู้ไม่เก่ง มันจะยากกว่าเช่น เราเขียนเรื่องหรือต้นฉบับไม่เป็น ตรงนี้จะยากกว่าอีก”
งานที่เขาร่วมบุกเบิกมิติใหม่ให้กับจีเอ็มพับลิชชิ่งก็มีเช่น อี-แมกกาซีน ซึ่งเริ่มกับทรูเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว “งานนี้เราไม่ได้หวังยอดขาย คนไทยยังอ่านหนังสือในรูปแบบนี้น้อยมาก แต่ทำเพราะต้องการจะพัฒนาสิ่งใหม่ขึ้นมา และหวังผลในแง่ของการประชาสัมพันธ์มากกว่า ตอนนี้เรามี 5 เล่มที่ทำแบบนี้คือ จีเอ็ม จีเอ็มคาร์ จีเอ็มพลัส จีเอ็ม2000 และวีแมนพลัส”
เขายังบอกด้วยว่า ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการทำชอปปิงผ่านเว็บของจีเอ็มก็ได้ แบบที่เรียกว่า จีเอ็มชอป เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและวางแผน
กล่าวได้ว่า พีศิลป์ เป็นชายหนุ่มที่น่าติดตามถึงแนวคิดใหม่ๆ และการผสมผสานประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าอย่างคุณพ่อ ที่ตัวเขาเองซึมซับมาตั้งแต่เด็กนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานในจีเอ็มกรุ๊ปได้อย่างดี