ทีทีเอเอ เอาใจกลุ่มคนไทยที่ปลื้ม”เจ้าชายจิกมี” จับมือบริษัทนำเที่ยวในประเทศเนปาล จัดเส้นทางทัวร์ กรุงเทพ-เนปาล-ภูฏาน ประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นราว 6 หมื่นบาทต่อคน เชื่อกระแสตอบรับดี เพราะกระแสเรียกร้องทัวร์เส้นทางนี้จำนวนมาก หลังเสร็จงานเฉลิมฉลองครองราช 60 ปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายอเนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานไปยังบริษัทนำเที่ยวที่ประเทศเนปาล ซึ่งมีประมาณ 6-7 ราย เพื่อร่วมกันจัดแพกเกจทัวร์นำเที่ยวในเส้นทาง กรุงเทพ-เนปาล-ภูฏาน ทั้งนี้เพราะ จากการเสด็จเยือนประเทศไทยในนามพระราชอาคันตุกะของเจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มงกุฎราชกุมารแห่งภูฎาน เพื่อร่วมงานพระราชพิธีในวโรกาสเฉลิมฉลอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้คนไทยรู้จักประเทศภูฏานมากขึ้น และมีบางส่วนต้องการจะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวและสัมผัสพื้นที่จริง ทาง ทีทีเอเอ จึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว เพราะประเทศภูฏานค่อนข้างจะเดินทางไปลำบาก
ทั้งนี้ในรูปแบบที่กำหนดเส้นการเดินทาง เบื้องต้น จะเป็นลักษณะท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง 3 ประเทศ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางขณะเดียวกันก็ถือเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าเพราะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ระยะการเดินทาง 5 วัน 4 คืน ในราคาแพกเกจละไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งเตรียมสรุปราคาที่แน่นอนในเร็วๆนี้ โดยการเดินทางจะแวะพักที่ประเทศเนปาล 2 วัน แล้วต่อไปยังภูฏาน
“ยอมรับว่าราคาแพกเกจทัวร์ไปภูฏานจะค่อนข้างแพง เท่าๆกับไปทัวร์ประเทศแถบยุโรป ที่ราคาแพกเกจทัวร์ 3 วัน 2 คืนจะอยู่ประมาณคนละ 56,000 บาท ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยที่ต้องการไปเที่ยวภูฏานแต่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจซื้อแพกเกจ แต่ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในกระแส ความชื่นชอบในพระจริยาวัตรของเจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มงกุฎราชกุมารแห่งภูฎาน จึงเชื่อว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สนใจจะเดินทางไปเที่ยว”
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจจัดทำเส้นทางทัวร์กรุงเทพ-เนปาล-ภูฏาน ครั้งนี้ เพราะมีลูกค้าสอบถามในเส้นทางทัวร์ดังกล่าวจำนวนมากขึ้นและต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ประเทศภูฏาน การเดินทางค่อนข้างลำบาก มีสายการบินน้อยสายที่บินเข้าไป อีกทั้งรัฐบาลภูฏาน ยังจำกัดรับจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 7,000-8,000 คน เพื่อให้คงไว้ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ต่อ และเป็นสัดส่วนที่พอเหมาะกับจำนวนประชากรของประเทศที่มีจำนวนราว 4 ล้านคน ส่วนผู้เดินทางก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องสุขภาพ เนื่องจาก ภูฏานเป็นประเทศที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ทำให้อากาศค่อนข้างเบาบาง
นายเอนก กล่าวอีกว่า ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือการขอวีซ่าที่ค่อนข้างยากและใช้เวลานานกว่า 3 สัปดาห์ หรือบางครั้งก็ถูกปฏิเสธการให้วีซ่า เพราะเขาจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว กำหนดวัดพักต้องอย่างน้อย 10 วัน มีค่าเหยียบแผ่นดินอีกราว 10,000 บาท ดังนั้นเราจึงใช้วิธีเดินทางผ่านประเทศเนปาล ซึ่งจะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า เพราะเนปาลถือเป็นประเทศเพื่อนบ้าน กับภูฏานที่ไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว