สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ชี้ภาวะเศรษฐกิจไทยหดตัว การเมืองอึมครึม กระทบตลาดเบียร์ 8.9 หมื่นล.ไม่โตแน่ เบียร์อีโคโนมี่กระอักเพราะรากหญ้ากำลังซื้อหาย ล่าสุดไทยเบฟฯ เพิ่มกำลังผลิตล้านลิตร ควักกลยุทธ์ขายพ่วงเบียร์อาชา 3-4 ขวด 100 บาท อาละวาดทั่วประเทศครั้งแรกหลังจากหยุดไป 1 ปี ด้านสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ชูไทเบียร์สินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์รับศึก พร้อมทุ่ม 35 ล้านบาทระเบิดแคมเปญโฆษณา ” Save the sea”หวังใช้อิมเมจต้าน
นายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ และไทเบียร์ เป็นต้น เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยหดตัวลง เนื่องมาจากปัญหาความไม่ชัดเจนของการเมือง รวมทั้งภาวะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้ ทั้งนี้หากสถานการณ์ของไทยโดยรวมยังคงตกอยู่ในภาวะนี้ 1-2 เดือน คาดว่าตลาดเบียร์มูลค่า 8.9 หมื่นล้านบาท ในปีนี้มีการเติบโต 1% หรือไม่มีการเติบโต แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดี คาดว่าตลาดเบียร์โดยรวมเติบโต 4-6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 8%
โดยเบียร์อีโคโนมี่ 62,300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของตลาดรวม เป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบสูงมากที่สุด เนื่องจากมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มคนระดับล่าง มีกำลังการซื้อน้อยและเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวมากที่สุด ดังนั้นคาดว่าปีนี้ตลาดเบียร์อีโคโนมี่มีอัตราการเติบโตน้อยมาก หรือไม่โตเลย ส่วนตลาดเบียร์สแตนดาร์ดมูลค่า 26,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของตลาด มีอัตราการเติบโต 6-8% ส่วนตลาดเบียร์พรีเมียมมูลค่า 8,900 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% มีอัตราการเติบโต 6-8%
ล่าสุดพบว่าค่ายเบียร์คู่แข่งคือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ช้าง ช้างไลท์ และอาชา นำกลยุทธ์ขายพ่วงมากระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะการขายพ่วงเบียร์อาชา 3-4 ขวด 100 บาท โดยเป็นการทำขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ จากเดิมจะมีทำเป็นบางพื้นที่เท่านั้น โดยตัวเลขจากสรรพสามิตไทยเบฟฯผลิตเบียร์เพิ่มหลักแสนเป็นหลักล้านลิตรในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นกำลังการผลิตที่ผิดปกติแม้ว่าจะมีการทำแคมเปญในช่วงฟุตบอลโลกแต่ก็ไม่น่าจะผลิตถึงขนาดนี้
ทั้งนี้การนำกลยุทธ์ขายพ่วงขึ้นมาใช้ของไทยเบฟฯอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีนี้ หลังจากในช่วงก่อนที่ไทยเบฟฯจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้หยุดการจำหน่ายในวิธีดังกล่าวไป อย่างไรก็ตามหากเบียร์อาชาอัดกลยุทธ์ขายพ่วงถึง 5-6 ขวด 100 บาท คาดว่าเบียร์ลีโอ จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ 3-4 ขวด 100 บาท เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าลีโอจะไม่ไปดื่มเบียร์อาชา เพราะเบียร์ลีโอมีภาพลักษณ์ที่ดี
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทฯไม่มีนโยบายใช้กลยุทธ์ราคาในการรองรับผลจากการที่คู่แข่งใช้กลยุทธ์ขายเบียร์พ่วง อีกทั้งเบียร์ในพอร์ตของบริษัทฯก็มีไทเบียร์เป็นสินค้าไฟติ้งแบรนด์รองรับคู่แข่งกรณีมีการใช้กลยุทธ์ราคาอยู่แล้ว โดยปัจจุบันไทเบียร์จำหน่าย 345 บาทต่อลัง โดยเฉลี่ยขวดละ 28.75 บาท แต่ราคาจำหน่ายตามร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโมเดิร์นเทรดประมาณ 32 บาทต่อขวด
นอกจากนี้บริษัทฯยังตอกย้ำภาพลักษณ์ของลีโอ โดยได้ทุ่มงบ 35 ล้านบาท เปิดภาพยนตร์โฆษณา” Save the sea” ภายใต้คอนเซปต์” คิดดี กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เสน่ห์ง่ายๆ ที่ดูดี” โดยได้ดึงสาวเซ็กซี่ ลีโอ เกิร์ล แอมบาสเดอร์คนล่าสุด การ์ตูน-อทิตยา ศิริโสภณ ขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ และคว้า นนทรี นิมิบุตรมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้
สำหรับแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาชุด Save the sea เป็นแคมเปญที่ต่อยอดจากแคมเปญ “ 7 Sexy Leo Girls” เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องการกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ดีให้กับคนในสังคม ส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจากการสำรวจพบผู้ชายในอุดมคติ พบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายที่มีจิตใจดีให้เกียรติผู้หญิง และกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ดี โดยคาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะตอกย้ำอิมเมจเบียร์ลีโอ โดยปัจจุบันเบียร์ลีโอและเบียร์ช้างมีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน คือ 46-47% โดยลีโอมีส่วนแบ่งมากกว่า 0.2%
นายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ และไทเบียร์ เป็นต้น เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยหดตัวลง เนื่องมาจากปัญหาความไม่ชัดเจนของการเมือง รวมทั้งภาวะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้ ทั้งนี้หากสถานการณ์ของไทยโดยรวมยังคงตกอยู่ในภาวะนี้ 1-2 เดือน คาดว่าตลาดเบียร์มูลค่า 8.9 หมื่นล้านบาท ในปีนี้มีการเติบโต 1% หรือไม่มีการเติบโต แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดี คาดว่าตลาดเบียร์โดยรวมเติบโต 4-6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 8%
โดยเบียร์อีโคโนมี่ 62,300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของตลาดรวม เป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบสูงมากที่สุด เนื่องจากมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มคนระดับล่าง มีกำลังการซื้อน้อยและเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวมากที่สุด ดังนั้นคาดว่าปีนี้ตลาดเบียร์อีโคโนมี่มีอัตราการเติบโตน้อยมาก หรือไม่โตเลย ส่วนตลาดเบียร์สแตนดาร์ดมูลค่า 26,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของตลาด มีอัตราการเติบโต 6-8% ส่วนตลาดเบียร์พรีเมียมมูลค่า 8,900 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% มีอัตราการเติบโต 6-8%
ล่าสุดพบว่าค่ายเบียร์คู่แข่งคือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ช้าง ช้างไลท์ และอาชา นำกลยุทธ์ขายพ่วงมากระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะการขายพ่วงเบียร์อาชา 3-4 ขวด 100 บาท โดยเป็นการทำขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ จากเดิมจะมีทำเป็นบางพื้นที่เท่านั้น โดยตัวเลขจากสรรพสามิตไทยเบฟฯผลิตเบียร์เพิ่มหลักแสนเป็นหลักล้านลิตรในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นกำลังการผลิตที่ผิดปกติแม้ว่าจะมีการทำแคมเปญในช่วงฟุตบอลโลกแต่ก็ไม่น่าจะผลิตถึงขนาดนี้
ทั้งนี้การนำกลยุทธ์ขายพ่วงขึ้นมาใช้ของไทยเบฟฯอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีนี้ หลังจากในช่วงก่อนที่ไทยเบฟฯจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้หยุดการจำหน่ายในวิธีดังกล่าวไป อย่างไรก็ตามหากเบียร์อาชาอัดกลยุทธ์ขายพ่วงถึง 5-6 ขวด 100 บาท คาดว่าเบียร์ลีโอ จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ 3-4 ขวด 100 บาท เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าลีโอจะไม่ไปดื่มเบียร์อาชา เพราะเบียร์ลีโอมีภาพลักษณ์ที่ดี
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทฯไม่มีนโยบายใช้กลยุทธ์ราคาในการรองรับผลจากการที่คู่แข่งใช้กลยุทธ์ขายเบียร์พ่วง อีกทั้งเบียร์ในพอร์ตของบริษัทฯก็มีไทเบียร์เป็นสินค้าไฟติ้งแบรนด์รองรับคู่แข่งกรณีมีการใช้กลยุทธ์ราคาอยู่แล้ว โดยปัจจุบันไทเบียร์จำหน่าย 345 บาทต่อลัง โดยเฉลี่ยขวดละ 28.75 บาท แต่ราคาจำหน่ายตามร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโมเดิร์นเทรดประมาณ 32 บาทต่อขวด
นอกจากนี้บริษัทฯยังตอกย้ำภาพลักษณ์ของลีโอ โดยได้ทุ่มงบ 35 ล้านบาท เปิดภาพยนตร์โฆษณา” Save the sea” ภายใต้คอนเซปต์” คิดดี กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เสน่ห์ง่ายๆ ที่ดูดี” โดยได้ดึงสาวเซ็กซี่ ลีโอ เกิร์ล แอมบาสเดอร์คนล่าสุด การ์ตูน-อทิตยา ศิริโสภณ ขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ และคว้า นนทรี นิมิบุตรมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้
สำหรับแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาชุด Save the sea เป็นแคมเปญที่ต่อยอดจากแคมเปญ “ 7 Sexy Leo Girls” เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องการกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ดีให้กับคนในสังคม ส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจากการสำรวจพบผู้ชายในอุดมคติ พบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายที่มีจิตใจดีให้เกียรติผู้หญิง และกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ดี โดยคาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะตอกย้ำอิมเมจเบียร์ลีโอ โดยปัจจุบันเบียร์ลีโอและเบียร์ช้างมีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน คือ 46-47% โดยลีโอมีส่วนแบ่งมากกว่า 0.2%