คนจีนส่วนใหญ่มักจะต้องการให้ลูกหลานได้สืบทอดกิจการที่ทำมา แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อ กร รัชไชยบุญ เขารู้อยู่ตลอดเวลาว่า วันหนึ่งเขาจะต้องกลับมาช่วยธุรกิจที่รุ่นคุณปู่ได้สร้างไว้ จนกลายมาเป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่วไป ในชื่อห้องอาหารสีฟ้า ถึงแม้จะไม่ต้องถูกบังคับให้กลับมาทำก็ตาม และวันนี้เขาผันตัวเองจากสถาปนิกหนุ่มไฟแรง กลับมาเข้าครัวดูแลกิจการด้วยความเต็มใจและภาคภูมิใจ ในฐานะเจเนอเรชั่น รุ่นที่ 3 ตำรงตำแหน่ง ผู้จัดการ บริษัท ห้องอาหารสีฟ้า จำกัด ดูแลร้านอาหารบลูสไปร์ท และ อิ่มไทยเป็นหลัก ด้วยวัยเพียง 30 ปีเท่านั้น
"กร" ได้เล่าถึงความผูกพันระหว่างห้องอาหารสีฟ้า ที่ได้สัมผัสมาตั้งแต่วัยเยาว์ว่า เริ่มจากคุณปู่ "เปล่ง รัชไชยบุญ" จากการขายก๋วยเตี๋ยวข้างถนนก็ได้มาเซ้งตึกแถวราชวงค์ ชวนคนมาขายร่วมกัน ต่อมาก็ได้มาเปิดร้านอาหารเองแถววังบูรพา โดยใช้ชื่อสีฟ้า เนื่องจากเดิมร้านที่ราชวงค์จะทาสีฟ้า แต่ไม่มีชื่อร้าน แต่คนที่ไปรับประทานอาหารส่วนใหญ่พูดกันติดปากจากลักษณะดังกล่าวว่า "ร้านสีฟ้า" จึงได้นำมาใช้เป็นชื่อร้านเรื่อยมา
ในขณะที่ กร ก็ได้ทันเห็นร้านสีฟ้าตั้งแต่การเปิดสาขาราชดำริ และสาขาสยามสแควร์เป็นต้นมา และก็ได้เห็นการทำงานของคุณพ่อคือ "จิตติ รัชไชยบุญ" ที่ต้องดูแลกิจการของครอบครัวในขณะนั้นว่าเป็นเช่นไร ด้วยวิธีการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง และมองการณ์ไกลอยู่ตลอดเวลา จนสามารถขยายสาขาร้านสีฟ้าได้ถึง 18 สาขาในปัจจุบัน ยิ่งทำให้รู้ว่าไม่อาจทิ้งกิจการครอบครัวไปได้
สำหรับกรแล้ว รู้ตัวเองว่าอาชีพที่ใฝ่ฝันมากที่สุดในขณะนั้น คือ การได้เป็นสถาปนิก จึงขอทำตามใจฝันก่อน ด้วยการมุ่งเรียนจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรม สาขาสถาปัตยกรรมภายใน และได้ทำงานเป็นอินทิเรีย ดีไซน์เนอร์ ให้กับบริษัท อินทิเรีย สตีเว่น เจ.ลีช 2 ปี
แต่เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียก็ต้องกลับมาดูแลกิจการของครอบครัว จึงได้เดินทางไปศึกษาต่อในสถาบันระดับสูงด้านอาหาร The Culinary Institute of America มลรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และในระหว่างที่เรียนก็ได้มีโอกาสฝึกฝนตัวเองในร้านอาหารต่างๆ เช่น Caf? Centro, Highline Restaurant และ Spigolo Cuisine แล้วจึงกลับมาดูแลกิจการของครอบครัวได้เป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนที่ผ่านมา
และในวันนี้ หากถามว่าระหว่างการเป็นสถาปนิก กับการเป็นเชฟแล้ว ชอบอย่างไหนมากกว่ากัน เขา ตอบด้วยความมั่นใจว่า "ทั้งสองอย่างเท่าๆกัน ให้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่ได้" และในช่วง 9 เดือนที่ได้กลับเข้ามาดูแลธุรกิจร้านอาหารให้ครบครัวนั้น ก็ได้พิสูจน์ว่า เขาสามารถนำวิชาความรู้จากทั้งสองสาขาที่เขารัก นำมาใช้ประยุกต์กับงานที่ทำได้อย่างลงตัว ถึงแม้จะเป็นวิชาที่ต่างขั้วแต่กลับมีวิธีการคิดที่ไม่แตกต่าง อาทิ เช่น ร้านอิ่มไทย ที่กรนอกจากจะเข้ามารับผิดชอบดูแลโดยตรงแล้ว ยังเป็นคนคิดดีไซน์รูปแบบร้านอีกด้วย หรือแม้แต่ในส่วนของร้านสีฟ้าเอง กรยังใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาออกแบบรูปแบบร้านใหม่ เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น พร้อมกับควบคุมการก่อสร้างบางส่วน
สุดท้ายในฐานะผู้จัดการ บริษัท ห้องอาหารสีฟ้า จำกัดในปัจจุบัน กรคาดหวังว่า ต้องการที่จะเห็นร้านสีฟ้า เป็นร้านที่ยังคงคุณค่าและรสชาติอาหารตลอดเวลา และต้องการให้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่ไม่คุ้นหูกับร้านสีฟ้า ได้รู้จักมากขึ้น พร้อมๆกับการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจไปสู่ระบบอินดัสเทรียลฟู้ดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอาหารในเชิงอุตสาหกรรมเพื่อการจำหน่าย รวมไปถึงการก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ และการหาช่องทางการขายใหม่ๆให้กับธุรกิจที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องต่อไป