โคเซ่เผยตลาดรวมเครื่องสำอางปีนี้อาการน่าเป็นห่วง เชื่อตลาดเติบโตลดลง 20% หลังเจอสารพัดปัจจัยลบทั้งเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันและความไม่แน่นอนทางการเมือง แนะทุกแบรนด์เร่งทำการบ้านหนักรับมือภาวะกำลังซื้อหด ด้านโคเซ่เน้นเปิดตัวสินค้าใหม่ ทำกิฟท์เซ็ท และจัดกิจกรรมที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง พร้อมโฟกัสเครื่องสำอางฟาซิโนซึ่งเป็นแบรนด์วัยรุ่นมากขึ้น หลังพบว่ากำลังซื้อวัยรุ่นยังดีอยู่ ล่าสุดจัดกิจกรรมประกวดเต้นคืนกำไรให้วัยรุ่นและดันยอดขายเพิ่ม 50% ประกาศกร้าวขึ้นแท่นเบอร์ 4 แทนซีเอในปีหน้า
นายโชคชัย รัตนวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอางโคเซ่ และฟาซิโอจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางในปีนี้คาดว่าตลาดจะมีการเติบโตที่ลดลง 20% เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ราคาน้ำมันขึ้นราคา และหลายสิ่งที่ยังไม่แน่นอนสำหรับนักธุรกิจ ซึ่งภาพรวมการแข่งของตลาดครึ่งปีหลังนี้คาดว่าทุกแบรนด์จะต้องทำการบ้านหนักขึ้น เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อเครื่องสำอางชะลอตัวลง ถึงแม้เครื่องสำอางจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผู้หญิงก็ตาม
ในส่วนของบริษัทโคเซ่ฯช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้มีอัตราการเติบโตลดลง 7% ขณะที่ยอดรายได้ทั้งปีบริษัทฯคาดหวังการเติบโต 5-7% จากเป้าเดิมตั้งไว้15% เนื่องจากสภาพตลาดมีปัจจัยลบมาก ดังนั้นกลยุทธ์ในการทำตลาดครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะพยายามออกสินค้าใหม่ในส่วนของแบรนด์โคเซ่ทุกเดือน และการทำกิฟท์ เซ็ทให้กับเครื่องสำอางมากขึ้น เนื่องจากพบว่าลูกค้านิยมซื้อเพราะมีความรู้สึกว่ามีความคุ้มค่า รวมถึงการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบการจัดงานจะเล็กลงแต่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ฟาซิโอโตสวนทางเศรษฐกิจเหตุวัยรุ่นยังมีกำลังซื้อ
นางสาวนิศวร์ชญา เวิศเศวตพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและขาย บริษัทโคเซ่ฯ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่กระทบต่อแบรนด์เครื่องสำอางฟาซิโอ เนื่องจากแบรนด์นี้เจาะกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นหลัก ซึ่งในแง่กำลังซื้อของลูกค้าวัยรุ่นพบว่ากำลังซื้อยังดีอยู่ เพราะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากนัก ซึ่งหากเทียบกับกลุ่มผู้ใหญ่พบว่ามีการชะลอการซื้อเครื่องสำอางลงเพราะมีรายจ่ายมาก โดยยอดค่าใช้จ่ายของลูกค้าต่อคนพบว่ามีประมาณ 500 บาทต่อบิล ซึ่งถือว่าเพิ่มหากเทียบกับปีที่แล้วที่มีคนละ 300 บาทต่อบิล
อีกทั้งราคาสินค้าฟาซิโอก็ไม่แพงเฉลี่ยประมาณ 85-450 บาท จึงทำให้กลุ่มวัยรุ่นสามารถซื้อสินค้าได้อยู่ ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดขายเติบโต 53% สำหรับยอดรายได้ฟาซิโอสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 48 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วที่ปิดยอดไป 39.7 ล้านบาท
ด้านแผนการขยายสาขาฟาซิโอปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเปิดให้ครบ 130 สาขา จากปัจจุบันมี 107 สาขา ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 1.5-2 แสนบาท ซึ่งช่องทางการขยายสาขาของฟาซิโอจะเน้นไปในร้านวัตสัน ขณะนี้มี 67 สาขา ,โรบินสัน,เซ็นทรัล และเดอะมอลล์ เป็นต้น ส่วนด้านผลิตภัณฑ์ฟาซิโอขณะนี้มีกว่า 160 เอสเคยู สิ้นปีตั้งเป้าเปิดตัวสินค้าใหม่ให้ครบ 180 เอสเคยู ล่าสุดบริษัทฯเพิ่งเปิดตัวกลุ่มสกินแคร์ไปเมื่อช่วงต้นเดือนก.ค.นี้
ปัจจุบันตลาดเครื่องสำอางในร้านวัตสันพบว่าอันดับ1 คือ เมย์บารีน นิวยอร์ค รองมาเป็นลอรีอัล อันดับ 3 เป็นเลฟรอน อันดับ 4 ซีเอ(ZA) อันดับ 5 เคท (Kate) และฟาซิโออยู่ที่ 6 ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าว่าฟาซิโอจะก้าวขึ้นมาสู่อันดับ 5 แทนเครื่องสำอางเคทที่หยุดการทำตลาดไป และก้าวมาสู่อันดับ 4 แทนซีเอในปีหน้า จากการทำการตลาด ขยายสาขา เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับงบการตลาดสำหรับฟาซิโอปีนี้บริษัทฯเตรียมใช้ประมาณ10 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมกับโรงเรียนสอนเต้นลาดองซ์เตรียมจัดการประกวดเต้น "Get Active Get Move Fasio Dance Contest" ขึ้นเพื่อคืนกำไรให้กับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าหลักของฟาซิโอ อีกทั้งเพื่อเป็นการฉลองที่ฟาซิโอในไทยครบรอบ 5 ปี และช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงจัดกิจกรรมปีนี้เพิ่ม 50%