สยามรีเทลฯ เดินหน้ารับบริหารการตลาดและขายโครงการไลฟ์เซ็นเตอร์ ของคิวเฮาส์ ที่ ลุมพินี ชูจุดเด่นศูนย์สุขภาพและความงามแห่งแรก หวังดึงคนย่านใกล้เคียงกว่า 5 แสนคน และพนักงานบนตึกออฟฟิศคิวเฮาส์ลุมพินีอีกกว่า 6,000 คนเข้ามาจับจ่าย พร้อมดึงร้านค้ากว่า 40 รายเปิดบริการ คาดทั้งปีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ 90 ล้านบาท แย้มหากสำเร็จดี อาจจะขยายสาขาใหม่ทั้งในออฟฟิศและสแตนด์อโลน์ด้วย
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ ผู้อำนวยการสายการตลาดและพัฒนาธุรกิจบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้เข้าไปรับงานบริหารการตลาดและการขายพื้นที่ให้กับโครงการ"ไลฟ์ เซ็นเตอร์" ของกลุ่มคิวเฮาส์ที่อาคารสำนักงานคิวเฮาส์ลุมพินี หัวมุมถนนสาทร ซึ่งเป็นบริษัทฯในเครือเดียวกับสยามรีเทลฯ
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ที่เป็นแบบนิชมาร์เก็ต โดยเป็นศูนย์เกี่ยวกับสุขภาพและความงามสมัยใหม่บนพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร สูง 4 ชั้น มูลค่าการตกแต่งกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งคิวเฮาส์เป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ส่วนบริษัทฯมีรายได้จากค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ ระยะเวลาสัญญานาน 5 ปี ส่วนค่าเช่าพื้นที่นั้นประมาณ 800 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ส่วนค่าเช่าของออฟฟิศประมาณ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในส่วนของไลฟ์เซ็นเตอร์ ได้ไม่ต่ำกว่า 87-90 ล้านบาทต่อปี
นายประเสริฐ กล่าวว่า หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีแล้วก็อาจจะมีแนวความคิดในการขยายสาขาใหม่ๆเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่ในส่วนของอาคารคิวเฮาส์เดิมหลายอาคารคงทำไม่ได้เพราะไม่มีพื้นที่มากขนาดนี้ ส่วนอาคารคิวเฮาส์ใหม่นั้นอาจจะเป็นไปได้หากมีทำเลและพื้นที่พอ ส่วนการจะลงทุนในรูปแบบสแตนด์อโลนนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ศึกษาแต่อย่างใด
สำหรับรูปแบบของโครงการนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างจากศูนย์การค้าหรือชอปปิ้งมอลล์แห่งอื่นๆ เพราะที่นี่อิงกระแสการดูแลรักษาสุขภาพโดยเน้นสินค้า และการให้บริการเกี่ยวกับคลินิกเพื่อสุขภาพ และความงาม ฟิตเนส สปา และร้านอาหาร มาอยู่รวมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ใส่ใจการดูแลสุขภาพ
ขณะนี้มีร้านค้าเปิดบริการแล้วประมาณ 80-90% โดยร้านค้าแบ่งออกเป็น 4 ส่วน รวมกว่า 40 ร้านค้า ประกอบด้วย ชั้น G Food, Beverage & Services ร้านอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ อานตี้ แอนส์, ฟรุ้ท, อิ่มไทยนู้ดเดิ้ลบาร์, ซานตาเฟ่, โซโห บายโจ๊กคลับ, สตาร์บัคส์, วราภรณ์ซาลาเปา, วิททาร์ด ออฟ เชลซี และยำแอนด์ตำ พร้อมบริการด้านต่างๆ อาทิ บู๊ทส์, ซี'มาร์ท,ร้านดอกไม้เลส์เฟอร์ส และล็อคซิทาน
นอกจากนี้ในชั้นนี้ยังมีบริการธุรกรรมด้านการเงินจากธนาคารหลายแห่งมาเปิดให้บริการ อาทิ กรุงศรีอยุธยา กรุงไทย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ ไทยพาณิชย์ ชั้น 1 Beauty & Cosmetics สินค้าและบริการเพื่อความงาม อาทิ ฟาสซิโน, เลียวนาร์ด เดรก, มาดามเฮงกู๊ดเฮลท์, ซีเคล็ท เชฟ เวลเนส เซ็นเตอร์ และสลิมอัพ เซ็นเตอร์ ชั้น 2 Health Care Clinic & Spa คลินิกและศูนย์บริการเพื่อสุขภาพ อาทิ ดีบีซี-สไพน์คลินิกแอนด์ยิม, เฮียริ่ง โฟกัส, แมทริกซ์เมด เซ็นเตอร์, นีตนาทคลีนิก, ศูนย์โรคปวดสหแพทย์โฮลิสติก และคลินิกทันตกรรมสตาร์เด็นท์ พร้อมบริการสปาระดับพรีเมี่ยม ได้แก่ ลัลลาบาย และชั้น 3 Fitness ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ได้แก่ ฟิสเนส เฟิร์สท พลัส ซึ่งเป็นฟิสเนสระดับเฟิร์สคลาสที่มีบริการแตกต่างจากที่อื่นๆโดยทั่วไป เนื่องจากมีบริการโยคะร้อน และ Kinesis อุปกรณ์สร้างกล้ามเนื้อแห่งแรก
"พื้นที่ตั้งของโครงการนี้มีศักยภาพมาก เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะอาคารคิวเฮาส์ลุมพินีนี้ มีพนักงานรวมกว่า 6,000 คน และยังมีคนทำงานรวมกว่า 5 แสนคนในบริเวณใกล้เคียงนี้ จากทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเยม และคาดว่าจะมีผู้เข้ามาเดินประมาณ 4-5,000 คนต่อวัน" นายประเสริฐกล่าว
นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯยังมีแผนที่จะทำการตลาดกับกลุ่มผู้อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ในเครือที่มีมากกว่า 7 แห่ง รวมจำนวนกว่า 20,000 คน ซึ่งมีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย เพื่อให้มาเดินและใช้บริการในศูนย์นี้ ซึ่งล่าสุดได้ส่งคูปองพิเศษให้กับลูกค้าเหล่านี้เพื่อเป็นส่วนลดการใช้บริการร้านค้าในศูนย์ดังกล่าวนี้ โดยตั้งงบประมารการตลาด 10 ล้านบาท ใช้ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมต่างๆ
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ ผู้อำนวยการสายการตลาดและพัฒนาธุรกิจบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้เข้าไปรับงานบริหารการตลาดและการขายพื้นที่ให้กับโครงการ"ไลฟ์ เซ็นเตอร์" ของกลุ่มคิวเฮาส์ที่อาคารสำนักงานคิวเฮาส์ลุมพินี หัวมุมถนนสาทร ซึ่งเป็นบริษัทฯในเครือเดียวกับสยามรีเทลฯ
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ที่เป็นแบบนิชมาร์เก็ต โดยเป็นศูนย์เกี่ยวกับสุขภาพและความงามสมัยใหม่บนพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร สูง 4 ชั้น มูลค่าการตกแต่งกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งคิวเฮาส์เป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ส่วนบริษัทฯมีรายได้จากค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ ระยะเวลาสัญญานาน 5 ปี ส่วนค่าเช่าพื้นที่นั้นประมาณ 800 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ส่วนค่าเช่าของออฟฟิศประมาณ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในส่วนของไลฟ์เซ็นเตอร์ ได้ไม่ต่ำกว่า 87-90 ล้านบาทต่อปี
นายประเสริฐ กล่าวว่า หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีแล้วก็อาจจะมีแนวความคิดในการขยายสาขาใหม่ๆเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่ในส่วนของอาคารคิวเฮาส์เดิมหลายอาคารคงทำไม่ได้เพราะไม่มีพื้นที่มากขนาดนี้ ส่วนอาคารคิวเฮาส์ใหม่นั้นอาจจะเป็นไปได้หากมีทำเลและพื้นที่พอ ส่วนการจะลงทุนในรูปแบบสแตนด์อโลนนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ศึกษาแต่อย่างใด
สำหรับรูปแบบของโครงการนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างจากศูนย์การค้าหรือชอปปิ้งมอลล์แห่งอื่นๆ เพราะที่นี่อิงกระแสการดูแลรักษาสุขภาพโดยเน้นสินค้า และการให้บริการเกี่ยวกับคลินิกเพื่อสุขภาพ และความงาม ฟิตเนส สปา และร้านอาหาร มาอยู่รวมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ใส่ใจการดูแลสุขภาพ
ขณะนี้มีร้านค้าเปิดบริการแล้วประมาณ 80-90% โดยร้านค้าแบ่งออกเป็น 4 ส่วน รวมกว่า 40 ร้านค้า ประกอบด้วย ชั้น G Food, Beverage & Services ร้านอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ อานตี้ แอนส์, ฟรุ้ท, อิ่มไทยนู้ดเดิ้ลบาร์, ซานตาเฟ่, โซโห บายโจ๊กคลับ, สตาร์บัคส์, วราภรณ์ซาลาเปา, วิททาร์ด ออฟ เชลซี และยำแอนด์ตำ พร้อมบริการด้านต่างๆ อาทิ บู๊ทส์, ซี'มาร์ท,ร้านดอกไม้เลส์เฟอร์ส และล็อคซิทาน
นอกจากนี้ในชั้นนี้ยังมีบริการธุรกรรมด้านการเงินจากธนาคารหลายแห่งมาเปิดให้บริการ อาทิ กรุงศรีอยุธยา กรุงไทย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ ไทยพาณิชย์ ชั้น 1 Beauty & Cosmetics สินค้าและบริการเพื่อความงาม อาทิ ฟาสซิโน, เลียวนาร์ด เดรก, มาดามเฮงกู๊ดเฮลท์, ซีเคล็ท เชฟ เวลเนส เซ็นเตอร์ และสลิมอัพ เซ็นเตอร์ ชั้น 2 Health Care Clinic & Spa คลินิกและศูนย์บริการเพื่อสุขภาพ อาทิ ดีบีซี-สไพน์คลินิกแอนด์ยิม, เฮียริ่ง โฟกัส, แมทริกซ์เมด เซ็นเตอร์, นีตนาทคลีนิก, ศูนย์โรคปวดสหแพทย์โฮลิสติก และคลินิกทันตกรรมสตาร์เด็นท์ พร้อมบริการสปาระดับพรีเมี่ยม ได้แก่ ลัลลาบาย และชั้น 3 Fitness ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ได้แก่ ฟิสเนส เฟิร์สท พลัส ซึ่งเป็นฟิสเนสระดับเฟิร์สคลาสที่มีบริการแตกต่างจากที่อื่นๆโดยทั่วไป เนื่องจากมีบริการโยคะร้อน และ Kinesis อุปกรณ์สร้างกล้ามเนื้อแห่งแรก
"พื้นที่ตั้งของโครงการนี้มีศักยภาพมาก เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะอาคารคิวเฮาส์ลุมพินีนี้ มีพนักงานรวมกว่า 6,000 คน และยังมีคนทำงานรวมกว่า 5 แสนคนในบริเวณใกล้เคียงนี้ จากทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเยม และคาดว่าจะมีผู้เข้ามาเดินประมาณ 4-5,000 คนต่อวัน" นายประเสริฐกล่าว
นอกจากนั้นแล้วบริษัทฯยังมีแผนที่จะทำการตลาดกับกลุ่มผู้อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ในเครือที่มีมากกว่า 7 แห่ง รวมจำนวนกว่า 20,000 คน ซึ่งมีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย เพื่อให้มาเดินและใช้บริการในศูนย์นี้ ซึ่งล่าสุดได้ส่งคูปองพิเศษให้กับลูกค้าเหล่านี้เพื่อเป็นส่วนลดการใช้บริการร้านค้าในศูนย์ดังกล่าวนี้ โดยตั้งงบประมารการตลาด 10 ล้านบาท ใช้ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมต่างๆ