ผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุ ผู้ประกอบการรถร่วมบริการพอใจกับแนวทางการปรับเส้นทางเดินรถทั้งระบบ เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการวิ่งทับเส้นทางได้ และยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้รถเอ็นจีวีในอนาคต โดยคาดว่า จะสามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการรถร่วมบริการกรณีการปรับเส้นทางรถ ขสมก.ใหม่ทั้งระบบว่า ผู้ประกอบการแสดงความพอใจต่อนโยบายดังกล่าว เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการวิ่งทับเส้นทางได้ ขณะเดียวกันการปรับเส้นทางครั้งนี้เพื่อรองรับการจัดซื้อรถเอ็นจีวี 2,000 คันของ ขสมก.ด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ ขสมก.ว่าจ้างสถาบันวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการปรับเส้นทาง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้
“การปรับเส้นทาง หรือ รีรูดติง น่าจะช่วยลดปัญหาการวิ่งทับเส้นทางโดยแต่ละเส้นทางจะมีรถวิ่งน้อยลงไม่ใช่มีรถวิ่งมากตั้ง 18-19 สาย ในเส้นทางแค่ 5-6 กิโลเมตร ขณะเดียวกันประชาชนจะได้รับความสะดวกสบายในการต่อรถมากขึ้น ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถเมล์ด้วย” นายโอภาส กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับนโยบายการยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.ระบุว่า เรื่องดังกล่าวกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการ พร้อมประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทั้งนี้หลังจากปรับเส้นทางและนำรถเอ็นจีวีมาให้บริการแล้วเชื่อว่าจะสามารถตรึงค่าโดยสารได้อีก 3-5 ปี
นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการรถร่วมบริการกรณีการปรับเส้นทางรถ ขสมก.ใหม่ทั้งระบบว่า ผู้ประกอบการแสดงความพอใจต่อนโยบายดังกล่าว เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการวิ่งทับเส้นทางได้ ขณะเดียวกันการปรับเส้นทางครั้งนี้เพื่อรองรับการจัดซื้อรถเอ็นจีวี 2,000 คันของ ขสมก.ด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ ขสมก.ว่าจ้างสถาบันวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการปรับเส้นทาง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้
“การปรับเส้นทาง หรือ รีรูดติง น่าจะช่วยลดปัญหาการวิ่งทับเส้นทางโดยแต่ละเส้นทางจะมีรถวิ่งน้อยลงไม่ใช่มีรถวิ่งมากตั้ง 18-19 สาย ในเส้นทางแค่ 5-6 กิโลเมตร ขณะเดียวกันประชาชนจะได้รับความสะดวกสบายในการต่อรถมากขึ้น ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถเมล์ด้วย” นายโอภาส กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับนโยบายการยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.ระบุว่า เรื่องดังกล่าวกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการ พร้อมประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทั้งนี้หลังจากปรับเส้นทางและนำรถเอ็นจีวีมาให้บริการแล้วเชื่อว่าจะสามารถตรึงค่าโดยสารได้อีก 3-5 ปี