โนเบิลฯเดินหน้าทำตลาดครึ่งปีหลังหนัก โฟกัสทำตลาดแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย เตรียมเปิดตัวน้ำหอมใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งเบอร์เบอรี่ ลอนดอน เจาะผู้หญิงทำงานที่มีกำลังซื้อ พร้อมเล็งนำเข้าน้ำหอมแบรนด์จากัวร์ในเดือนสิงหาคมนี้ คาดยอดขายบริษัทฯสิ้นปีเติบโต12%
นางสาวอารดา วิทยวิรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัทโนเบิล คอสเพอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายสินค้าน้ำหอมหลายแบรนด์ อาทิ เบอเบอร์รี่,แฮมเมอร์ และพอล สมิธ ฯลฯ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ต้องประสบกับเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการเมืองที่ยังไม่แน่นอนอยู่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทฯบ้าง อาทิ ในส่วนของการเปิดตัวสินค้าใหม่อาจจะมีการชะลอตัวลงหรือการจัดงานเปิดตัวสินค้าจะทำแบบไม่ใหญ่โตมากนัก รวมถึงรูปแบบการทำตลาดก็จะเปลี่ยนไป โดยจะทำแบบเจาะหรือเข้าหากลุ่มเป้าหมายโดยตรง เนื่องจากมีการซื้อสินค้าจริง
ดังนั้นแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทฯจะเน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวน้ำหอมแบรนด์เบอเบอร์รี่ ลอนดอน เพื่อเจาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานที่มีอายุ 25 -45 ปี โดยระดับราคาสินค้าจะอยู่ที่ 2,700-3,700 บาท มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 50 มิลลิลิตรและ 100 มิลลิลิตร ต่อจากนั้นจะมีการเปิดตัวน้ำหอมแบรนด์ต่างๆตามมา เช่น เซนต์ ดูปอง,แฮมเมอร์ ฯลฯ รวมถึงจะการเปิดตัวแบรนด์น้ำหอมใหม่ เช่น “จากัวร์” ในเดือนสิงหามคมนี้
“ภาพรวมตลาดน้ำหอมในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทฯ เดิมทีตั้งอัตราการเติบโตไว้ที่ 30% แต่ขณะนี้พบว่ามีการเติบโตกว่า 20% ซึ่งยังถือว่าเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดรายได้ทั้งปีกลุ่มน้ำหอมคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 34%”
ส่วนงบในการทำตลาดของบริษัทฯในแต่ละแบรนด์จะใช้ประมาณ 20% ของยอดขาย แบ่งเป็นงบสำหรับของพรีเมี่ยม 5% งบประชาสัมพันธ์และจัดอีเวนต์ 7% และงบปรับปรุงตกแต่งสาขาอีก 8%
"พฤติกรรมการเลือกซื้อน้ำหอมของลูกค้าจะดูที่ความแรงของแบรนด์เป็นหลัก และสินค้าต้องมีพร้อม เพราะหากสินค้าหมดลูกค้าก็อาจปซื้อแบรนด์อื่นแทน หรือในส่วนของแถมก็มีส่วนสำคัญในการเลือก ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องเตรียมสินค้าและของแถมไว้ไม่ให้ขาด รวมถึงการทำโปรโมชั่นต่อเนื่อง"
ด้านช่องทางการขายน้ำหอมของเบอเบอร์รี่ขณะนี้มี 25 แห่ง โดยเปิดเป็นรูปแบบบูติคจะมี 2 แห่ง ได้แก่ ที่เกษร พลาซ่าและแบ็งค็อก เอราวัณ ล่าสุดเตรียมเปิดที่สยาม พารากอนในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทโนเบิลฯในปีนี้คาดว่าจะมีเติบโตขึ้น 12% จากยอดรายได้ปีที่แล้วกว่า 500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่มน้ำหอม คิดเป็นสัดส่วน 50% กลุ่มผมหรือแฮร์แคร์ 20% กลุ่มตกแต่งหนวดเครา 15% และสกินแคร์มี 5%