“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ระบุการประชุมรัฐมนตรีการค้าดับเบิลยูทีโออย่างไม่เป็นทางการที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากสหรัฐ-ยุโรปไม่สามารถตกลงเรื่องการลดภาษีสินค้าเกษตรได้ ขณะที่ไทยเตรียมยกคณะไปเยือนสหรัฐ เพื่อสานความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้แน่นแฟ้น โดยไม่มีหัวข้อเอฟทีเอ ในการเดินทางไปเยือนครั้งนี้แน่นอน และเตรียมบุกตลาดฮ่องกง-จีน เพื่อบุกเบิกตลาดผักผลไม้ให้มากขึ้น เตือนเอกชนตื่นตัวจดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีการค้าขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อย่างไม่เป็นทางการว่า ในการประชุมร่วมครั้งนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากสหรัฐและกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ยังไม่สามารถตกลงกรอบการลดภาษีสินค้าภาคการเกษตรและอื่น ๆ ได้ ซึ่งทางผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอจะมีการประชุมกับกลุ่ม จี 7 อีกครั้งก่อนที่จะนำมาหารือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ในส่วนของไทยก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะนำคณะเดินทางเยือนประเทศสหรัฐ ระหว่างวันที่ 8-14 กรกฎาคมนี้ โดยตนตั้งใจที่จะไปดึงการค้าการลงทุนมาอยู่ที่ไทยไม่ให้ไปสู่ประเทศอื่น เพราะสหรัฐเป็นตลาดลงทุนที่ใหญ่มาก และไทยส่งออกไปสหรัฐแต่ละปีจำนวนมาก ดังนั้น จะต้องรักษาฐานการค้าการลงทุนไม่ให้ไปลงทุนในประเทศมาเลเซียและเวียดนามแทน
“การเดินทางไปครั้งนี้จะไปเปิดตลาดการค้าใหม่ ๆ โดยจะนำคณะภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เดินทางไปด้วย และมีนัดหมายที่จะพบปะบุคคลสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ภาครัฐจะหารือร่วมกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐที่ควบคุมการค้าการลงทุน รวมถึงจะหารือกับกลุ่มผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอชทีอาร์) และประธานคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสที่ดูแลเกี่ยวกับการค้า และจะหารือเกี่ยวกับปัญหาเครื่องนุ่งห่ม สินค้ากุ้งกับสหรัฐด้วย” นายสมคิด กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปครั้งนี้จะไม่หารือเกี่ยวกับการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหรัฐ แต่จะไปในเชิงความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความกระชับสัมพันธ์เชิงลึกมากขึ้น และหลังจากที่นำคณะเดินทางเยือนประเทศสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว โดยในครั้งต่อไปได้มอบหมายกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดและหาบริษัทที่มีความเข้มแข็งโดยเฉพาะกลุ่มพืชผักผลไม้ที่จะมีการจัดอบรมร่วมกันระหว่างไทยกับจีน โดยในเร็ว ๆ นี้ ตนจะนำคณะดังกล่าวไปฮ่องกงเพื่อจัดทำแผนร่วมกันอย่างน้อย 3 ปี และนำไปดูตลาดที่กวางเจา หากทำเรื่องดังกล่าวได้ก็จะเป็นการทำลายระบบผูกขาดในตลาดจีน นอกจากนี้ มีแผนที่จะเดินทางไปทำตลาดในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ความสัมพันธ์จะต้องเดินทางต่อไป
นายสมคิด กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ขณะนี้หลายประเทศเริ่มหันมาจดลิขสิทธิ์ทางการค้ามากขึ้น แต่ไทยยังไม่ตื่นตัว ดังนั้น จึงมอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งไปศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้คนไทย โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าโอท็อป รวมถึงอาหารบางรายการ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หรือข้าวแกง ตื่นตัวมากขึ้น เพราะขณะนี้เท่าที่ได้รับรายงาน เช่น ประเทศสหรัฐมีการยื่นจดท่าโยคะ ซึ่งเป็นการจดลิขสิทธิ์กระบวนท่า ซึ่งทางอินเดียเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เรียกร้องทวงสิทธิ์คืน ดังนั้น ไทยจะละเลยเรื่องดังกล่าวไม่ได้ จะต้องเร่งจดลิขสิทธิ์โดยเฉพาะสินค้าโอท็อปไทยให้มากขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีการค้าขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อย่างไม่เป็นทางการว่า ในการประชุมร่วมครั้งนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากสหรัฐและกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ยังไม่สามารถตกลงกรอบการลดภาษีสินค้าภาคการเกษตรและอื่น ๆ ได้ ซึ่งทางผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอจะมีการประชุมกับกลุ่ม จี 7 อีกครั้งก่อนที่จะนำมาหารือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ในส่วนของไทยก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะนำคณะเดินทางเยือนประเทศสหรัฐ ระหว่างวันที่ 8-14 กรกฎาคมนี้ โดยตนตั้งใจที่จะไปดึงการค้าการลงทุนมาอยู่ที่ไทยไม่ให้ไปสู่ประเทศอื่น เพราะสหรัฐเป็นตลาดลงทุนที่ใหญ่มาก และไทยส่งออกไปสหรัฐแต่ละปีจำนวนมาก ดังนั้น จะต้องรักษาฐานการค้าการลงทุนไม่ให้ไปลงทุนในประเทศมาเลเซียและเวียดนามแทน
“การเดินทางไปครั้งนี้จะไปเปิดตลาดการค้าใหม่ ๆ โดยจะนำคณะภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เดินทางไปด้วย และมีนัดหมายที่จะพบปะบุคคลสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ภาครัฐจะหารือร่วมกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐที่ควบคุมการค้าการลงทุน รวมถึงจะหารือกับกลุ่มผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอชทีอาร์) และประธานคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสที่ดูแลเกี่ยวกับการค้า และจะหารือเกี่ยวกับปัญหาเครื่องนุ่งห่ม สินค้ากุ้งกับสหรัฐด้วย” นายสมคิด กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปครั้งนี้จะไม่หารือเกี่ยวกับการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหรัฐ แต่จะไปในเชิงความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความกระชับสัมพันธ์เชิงลึกมากขึ้น และหลังจากที่นำคณะเดินทางเยือนประเทศสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว โดยในครั้งต่อไปได้มอบหมายกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดและหาบริษัทที่มีความเข้มแข็งโดยเฉพาะกลุ่มพืชผักผลไม้ที่จะมีการจัดอบรมร่วมกันระหว่างไทยกับจีน โดยในเร็ว ๆ นี้ ตนจะนำคณะดังกล่าวไปฮ่องกงเพื่อจัดทำแผนร่วมกันอย่างน้อย 3 ปี และนำไปดูตลาดที่กวางเจา หากทำเรื่องดังกล่าวได้ก็จะเป็นการทำลายระบบผูกขาดในตลาดจีน นอกจากนี้ มีแผนที่จะเดินทางไปทำตลาดในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ความสัมพันธ์จะต้องเดินทางต่อไป
นายสมคิด กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ขณะนี้หลายประเทศเริ่มหันมาจดลิขสิทธิ์ทางการค้ามากขึ้น แต่ไทยยังไม่ตื่นตัว ดังนั้น จึงมอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งไปศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้คนไทย โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าโอท็อป รวมถึงอาหารบางรายการ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หรือข้าวแกง ตื่นตัวมากขึ้น เพราะขณะนี้เท่าที่ได้รับรายงาน เช่น ประเทศสหรัฐมีการยื่นจดท่าโยคะ ซึ่งเป็นการจดลิขสิทธิ์กระบวนท่า ซึ่งทางอินเดียเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เรียกร้องทวงสิทธิ์คืน ดังนั้น ไทยจะละเลยเรื่องดังกล่าวไม่ได้ จะต้องเร่งจดลิขสิทธิ์โดยเฉพาะสินค้าโอท็อปไทยให้มากขึ้น