ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าจากกระแสฟุตบอลโลกในขณะนี้ ทำให้เกิดการใช้บริการโรงรับจำนวนมากขึ้น ทั้งการไถ่ถอนโทรทัศน์ไปรับชมการถ่ายทอดสด และการใช้เป็นแหล่งเงินในการเล่นพนันและใช้หนี้จากการพนันฟุตบอลโลก
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จัดทำบทวิจัยในหัวข้อ “ฟุตบอลโลก 2006 : กระตุ้นธุรกิจโรงรับจำนำ” โดยระบุว่า หลังจากช่วงเทศกาลเปิดเทอมซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้ธุรกิจโรงรับจำนำเฟื่องฟูแล้ว ในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลกก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นธุรกิจโรงรับจำนำ เนื่องจากความถี่ของการใช้บริการโรงรับจำนำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยแยกเป็นการไปไถ่ถอนเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก
ขณะที่คอพนันบอลส่วนหนึ่งเข้าโรงรับจำนำเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเล่นพนันฟุตบอล และยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของบรรดาคอพนันบอลที่จะใช้เป็นแหล่งเงินที่จะนำมาใช้หนี้เมื่อต้องเสียพนันฟุตบอล ซึ่งพฤติกรรมของบรรดาคอบอลทั้งหลายนี้นับว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นยอดการใช้บริการโรงรับจำนำให้เพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่มียอดใช้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเปิดเทอม
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ทำการสำรวจ “พฤติกรรมคนไทยกับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2549” ในระหว่างวันที่ 1-15 พฤษภาคม และ1-16 มิถุนายน 2549 จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 3,793 ชุด แยกตามเพศ อายุ อาชีพของประชากรตามภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ พบว่าในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก2006 มีการใช้บริการโรงรับจำนำในแต่ละช่วงของการแข่งขันฟุตบอล ดังนี้คือ ช่วงก่อนมหกรรมฟุตบอลโลก2006 บรรดาผู้ใช้บริการโรงรับจำนำที่เคยนำเครื่องรับโทรทัศน์มาจำนำไว้ต่างไถ่ถอน ทั้งนี้เพื่อนำไปชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยลูกค้าบางรายนำทองรูปพรรณมาจำนำเพื่อนำเงินมาไถ่ถอนโทรทัศน์
คาดว่าหลังจากมหกรรมฟุตบอลโลกอาจจะมีการนำโทรทัศน์กลับมาจำนำใหม่อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีประชาชนมาติดต่อขอซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ที่หลุดจำนำ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือนจะมีเครื่องรับโทรทัศน์หลุดจำนำ 4-5 เครื่องต่อหนึ่งโรงรับจำนำ โดยผู้ที่มาขอซื้อส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งต้องการนำโทรทัศน์ไปติดตั้งให้ลูกค้าได้ติดตามการถ่ายทอดสด
ช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก 2006 การใช้บริการโรงรับจำนำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจการโรงรับจำนำในกรุงเทพฯ มีผู้มาใช้บริการมากกว่าปกติถึงร้อยละ 20.0 ส่วนในต่างจังหวัดมีผู้ใช้บริการโรงรับจำนำเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงปกติถึงร้อยละ 30.0 หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติวันละ 150-200 ราย ทำให้ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อวัน
โดยผู้ใช้บริการที่เป็นคอฟุตบอลแยกเป็นผู้ใช้บริการที่ต้องการนำเงินไปเล่นพนันฟุตบอล และนำเงินไปใช้หนี้เมื่อเสียพนันฟุตบอล ซึ่งสิ่งของที่นำมาจำนำส่วนใหญ่จะเป็นสร้อยคอทองคำ เครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเครื่องโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยทางเจ้าของกิจการ/ผู้บริหารโรงรับจำนำคาดการณ์ว่าหลังมหกรรมฟุตบอลโลกแล้วจะมีของหลุดจำนำจำนวนมาก
เนื่องจากบรรดาลูกค้าที่เสียพนันฟุตบอลจะไม่มีเงินมาไถ่ถอน นอกจากนี้ทางโรงรับจำนำนั้นมีการวางมาตรการเพื่อป้องกันบรรดามิจฉาชีพนำสิ่งของที่ได้มาโดยผิดกฎหมายมาจำนำ โดยจะตรวจสอบผู้ที่นำของมาจำนำอย่างถี่ถ้วน
ทั้งนี้จากผลการสำรวจพบว่าแหล่งที่มาของเงินที่ใช้เล่นพนันฟุตบอลของกลุ่มตัวอย่าง 3 อันดับแรก คือ เงินเดือน เงินเก็บสะสม และการนำของไปจำนำ โดยเฉพาะบรรดาคอพนันฟุตบอลในภาคกลางจะเลือกใช้บริการโรงรับจำนำมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ กรุงเทพฯและปริมณฑลและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนผลการสำรวจแนวทางในการแก้ปัญหาเมื่อติดหนี้พนันฟุตบอลของกลุ่มตัวอย่าง 3 อันดับแรก คือ การขอติดไว้ก่อน/ผ่อนจ่ายเป็นงวด รองลงมาคือ ยืมเงินเพื่อน และการหันไปพึ่งโรงรับจำนำ โดยเฉพาะกลุ่มตัวอย่างในภาคใต้เลือกที่จะพึ่งพาโรงรับจำนำมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จัดทำบทวิจัยในหัวข้อ “ฟุตบอลโลก 2006 : กระตุ้นธุรกิจโรงรับจำนำ” โดยระบุว่า หลังจากช่วงเทศกาลเปิดเทอมซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้ธุรกิจโรงรับจำนำเฟื่องฟูแล้ว ในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลกก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นธุรกิจโรงรับจำนำ เนื่องจากความถี่ของการใช้บริการโรงรับจำนำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยแยกเป็นการไปไถ่ถอนเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก
ขณะที่คอพนันบอลส่วนหนึ่งเข้าโรงรับจำนำเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเล่นพนันฟุตบอล และยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของบรรดาคอพนันบอลที่จะใช้เป็นแหล่งเงินที่จะนำมาใช้หนี้เมื่อต้องเสียพนันฟุตบอล ซึ่งพฤติกรรมของบรรดาคอบอลทั้งหลายนี้นับว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นยอดการใช้บริการโรงรับจำนำให้เพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่มียอดใช้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเปิดเทอม
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ทำการสำรวจ “พฤติกรรมคนไทยกับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2549” ในระหว่างวันที่ 1-15 พฤษภาคม และ1-16 มิถุนายน 2549 จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 3,793 ชุด แยกตามเพศ อายุ อาชีพของประชากรตามภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ พบว่าในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก2006 มีการใช้บริการโรงรับจำนำในแต่ละช่วงของการแข่งขันฟุตบอล ดังนี้คือ ช่วงก่อนมหกรรมฟุตบอลโลก2006 บรรดาผู้ใช้บริการโรงรับจำนำที่เคยนำเครื่องรับโทรทัศน์มาจำนำไว้ต่างไถ่ถอน ทั้งนี้เพื่อนำไปชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยลูกค้าบางรายนำทองรูปพรรณมาจำนำเพื่อนำเงินมาไถ่ถอนโทรทัศน์
คาดว่าหลังจากมหกรรมฟุตบอลโลกอาจจะมีการนำโทรทัศน์กลับมาจำนำใหม่อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีประชาชนมาติดต่อขอซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ที่หลุดจำนำ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือนจะมีเครื่องรับโทรทัศน์หลุดจำนำ 4-5 เครื่องต่อหนึ่งโรงรับจำนำ โดยผู้ที่มาขอซื้อส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งต้องการนำโทรทัศน์ไปติดตั้งให้ลูกค้าได้ติดตามการถ่ายทอดสด
ช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก 2006 การใช้บริการโรงรับจำนำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจการโรงรับจำนำในกรุงเทพฯ มีผู้มาใช้บริการมากกว่าปกติถึงร้อยละ 20.0 ส่วนในต่างจังหวัดมีผู้ใช้บริการโรงรับจำนำเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงปกติถึงร้อยละ 30.0 หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติวันละ 150-200 ราย ทำให้ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อวัน
โดยผู้ใช้บริการที่เป็นคอฟุตบอลแยกเป็นผู้ใช้บริการที่ต้องการนำเงินไปเล่นพนันฟุตบอล และนำเงินไปใช้หนี้เมื่อเสียพนันฟุตบอล ซึ่งสิ่งของที่นำมาจำนำส่วนใหญ่จะเป็นสร้อยคอทองคำ เครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเครื่องโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยทางเจ้าของกิจการ/ผู้บริหารโรงรับจำนำคาดการณ์ว่าหลังมหกรรมฟุตบอลโลกแล้วจะมีของหลุดจำนำจำนวนมาก
เนื่องจากบรรดาลูกค้าที่เสียพนันฟุตบอลจะไม่มีเงินมาไถ่ถอน นอกจากนี้ทางโรงรับจำนำนั้นมีการวางมาตรการเพื่อป้องกันบรรดามิจฉาชีพนำสิ่งของที่ได้มาโดยผิดกฎหมายมาจำนำ โดยจะตรวจสอบผู้ที่นำของมาจำนำอย่างถี่ถ้วน
ทั้งนี้จากผลการสำรวจพบว่าแหล่งที่มาของเงินที่ใช้เล่นพนันฟุตบอลของกลุ่มตัวอย่าง 3 อันดับแรก คือ เงินเดือน เงินเก็บสะสม และการนำของไปจำนำ โดยเฉพาะบรรดาคอพนันฟุตบอลในภาคกลางจะเลือกใช้บริการโรงรับจำนำมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ กรุงเทพฯและปริมณฑลและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนผลการสำรวจแนวทางในการแก้ปัญหาเมื่อติดหนี้พนันฟุตบอลของกลุ่มตัวอย่าง 3 อันดับแรก คือ การขอติดไว้ก่อน/ผ่อนจ่ายเป็นงวด รองลงมาคือ ยืมเงินเพื่อน และการหันไปพึ่งโรงรับจำนำ โดยเฉพาะกลุ่มตัวอย่างในภาคใต้เลือกที่จะพึ่งพาโรงรับจำนำมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ