บริษัทนำเที่ยวแข่งดุ ผู้ประกอบการแย่งตัดราคากันวุ่น ส่อเค้าทัวร์ศูนย์เหรียญเพิ่ม “แอตต้า”เร่งตัดไฟแต่ต้นลม ดอดเซ็นMOU 16 บริษัททัวร์ฮ่องกงกำหนดราคากลางสร้างมาตรฐานทัวร์ ระบุเป็นโครงการนำร่องก่อนลุยต่อประเทศจีน อินเดีย รัสเซีย ด้านความคืบหน้าการเบินเส้นทางบิน กรุงเทพ-โจฮันเนสเบิร์ก แอฟฟริกาใต้ แนะททท.เชิญบายเออร์จากประเทศกลุ่มนี้เข้าร่วมงาน TTM หวังขยายตลาดท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มเติม
นายอภิชาติ สังฆอารีย์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจบริษัทนำเที่ยวขณะนี้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง ทั้ง บริษัทที่อยู่ในประเทศไทย และ บริษัทที่เป็นประเทศคู่ค้าในต่างประเทศ ทั้งนี้เพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เติบโตต่อเนื่องทุกปี ประกอบกับทุกประเทศต่างก็มุ่งสร้างรายได้เข้าประเทศจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้มีการเปิดบริษัทนำเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาการขายตัดราคา เพื่อที่จะช่วงชิงลูกค้า แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นคือการบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นที่มาของปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ
ดังนั้นล่าสุดแอตต้าจึงได้ทำสัญญาข้อตกลงร่วมกัน(MOU) กับ 16 บริษัทนำเที่ยวที่ประเทศฮ่องกง โดยสาระสำคัญคือจะมีการกำหนดราคาขายแพกเกจทัวร์ เป็นราคาเดียวกัน ในทุกเส้นทาง และจะต้องมีมาตรฐานของการบริการเทียบเท่ากันทั้นหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเส้นทางที่จะจัดเป็นแพกเกจทัวร์ ก่อนนำเสนอต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพื่อขอความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้หากตลาดมีการตอบรับที่ดี และสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญได้ พร้อมกับเปลี่ยนภาพลักษณ์ประเทศไทยให้ดีขึ้นหรือหลุดออกจากทัวร์ศูนย์เหรียญได้ ก็จะเร่งดำเนินการในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและมีการขายแพกเกจทัวร์แบบตัดราคาเป็นลำดับต่อไป ซึ่งได้แก่ ประเทศ อินเดีย จีน และรัสเซีย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แอตต้า และ อีก 4 สมาคมด้านการท่องเที่ยว ได้มีการส่งหนังสื่อถึงสำนักทะเบียนมัคคุเทศก์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้วยว่า ในการพิจารณาออกใบอนุญาตแก่บริษัทนำเที่ยว ให้ตรวจเช็คให้รอบคอบก่อนว่า บริษัทที่มาจดทะเบียน เป็นสมาชิกในสมาคมใดสมาคมหนึ่งหรือไม่ใน 5 สมาคมด้านการท่องเที่ยว เพราะถือเป็นการคัดกรองป้องกันปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง เนื่องจาก หากสมาชิกของสมาคม มีการปฏิบัติไม่ดี ก็จะเรียกมาว่ากล่าวตักเตือ และเอาผิดให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นักท่องเที่ยวได้
แนะททท.เชิญบายเออร์ร่วมงานTTM
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า ในการประชุมสมาชิกสมาคม แอตต้าครั้งนี้ ได้พูดถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบิน ซึ่งจะบินไป “โจฮันเนสเบิร์ก” ซึ่งถือเป็นเมืองเกรทเวย์ที่จะเข้าสู่ประเทศในกลุ่มแอฟฟริกาใต้ โดยเริ่มไฟล์ทแรกในเดือนตุลาคมศกนี้ ดังนั้นแอตต้าจึงได้เสนอให้ ททท. ทำหนังสือเชิญบายเออร์จากกลุ่มประเทศดังกล่าว เข้ามาร่วมงาน ไทยแลนด์ ทราวเวล มาร์ท หรือ TTM ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 49 นอกจากนั้น ยังเสนอให้การบินไทย จัดแฟมทริป เชิญสื่อบริษัทนำเที่ยวจากไทยไปดูแหล่งท่องเที่ยวที่ แอฟฟริกาใต้ และ บริษัทนำเที่ยวจากแอฟฟริกาใต้ เข้ามาดูแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย
การเปิดเส้นทางบิน กรุงเทพ-โจฮันเนสเบิร์ก ของการบินไทย จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางระหว่าง 2 ภูมิภาคนี้มากขึ้น จากปัจจุบัน คนจากแอฟฟริกาใต้ เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณปีละเกือบ 4 หมื่นคน ต่อปี ขณะที่การบินไทยจะบิน 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ โดยเครื่องบิน โบอิ้ง 777 -200 ER เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ย 68% ของจำนวนที่นั่งในแต่ละเที่ยวบิน
อย่างไรก็ตาม ประเทศแอฟฟริกาใต้ มีเศรฐกิจที่ดี ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางจะเป็นกลุ่มระดับกลางถึงบน รวมถึงนักธุรกิจ ซึ่งวันพักเฉลี่ยของคนกลุ่มนี้จะอยู่ประมาณ 9 วัน พักโรงแรม 5-6 ดาว และชอบชอปปิ้ง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวยที่นิยม ได้แก่ กรุงเทพ และ เมืองชายทะเล เช่น พัทยา เป็นต้น
นอกจากนั้นข้อเสนอแนะของการบินไทย ตามแผนงานที่จะให้ประเทศไทยเป็นเกรทเวย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะพานักท่องเที่ยวจากอินโดจีนบินจากกรุงเทพไปแอฟฟริกาใต้ และนำนักท่องเที่ยวจากแอฟฟริกาใต้ เข้ามาประเทศไทย ก่อนเดินทางไปเที่ยวยังประเทศอื่นๆ ดังนั้น แพกเกจทัวร์ ที่เราจะสามารถฉวยโอกาสตรงนี้ได้ คือเป็นแพกเกจทัวร์ระยะสั้น จับกลุ่มทรานซิส ซึ่งประเทศเป้าหมาย เช่น มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลี จีน เป็นต้น
นายอภิชาติ สังฆอารีย์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจบริษัทนำเที่ยวขณะนี้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง ทั้ง บริษัทที่อยู่ในประเทศไทย และ บริษัทที่เป็นประเทศคู่ค้าในต่างประเทศ ทั้งนี้เพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เติบโตต่อเนื่องทุกปี ประกอบกับทุกประเทศต่างก็มุ่งสร้างรายได้เข้าประเทศจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้มีการเปิดบริษัทนำเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาการขายตัดราคา เพื่อที่จะช่วงชิงลูกค้า แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นคือการบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นที่มาของปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ
ดังนั้นล่าสุดแอตต้าจึงได้ทำสัญญาข้อตกลงร่วมกัน(MOU) กับ 16 บริษัทนำเที่ยวที่ประเทศฮ่องกง โดยสาระสำคัญคือจะมีการกำหนดราคาขายแพกเกจทัวร์ เป็นราคาเดียวกัน ในทุกเส้นทาง และจะต้องมีมาตรฐานของการบริการเทียบเท่ากันทั้นหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเส้นทางที่จะจัดเป็นแพกเกจทัวร์ ก่อนนำเสนอต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพื่อขอความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้หากตลาดมีการตอบรับที่ดี และสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญได้ พร้อมกับเปลี่ยนภาพลักษณ์ประเทศไทยให้ดีขึ้นหรือหลุดออกจากทัวร์ศูนย์เหรียญได้ ก็จะเร่งดำเนินการในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและมีการขายแพกเกจทัวร์แบบตัดราคาเป็นลำดับต่อไป ซึ่งได้แก่ ประเทศ อินเดีย จีน และรัสเซีย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แอตต้า และ อีก 4 สมาคมด้านการท่องเที่ยว ได้มีการส่งหนังสื่อถึงสำนักทะเบียนมัคคุเทศก์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้วยว่า ในการพิจารณาออกใบอนุญาตแก่บริษัทนำเที่ยว ให้ตรวจเช็คให้รอบคอบก่อนว่า บริษัทที่มาจดทะเบียน เป็นสมาชิกในสมาคมใดสมาคมหนึ่งหรือไม่ใน 5 สมาคมด้านการท่องเที่ยว เพราะถือเป็นการคัดกรองป้องกันปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง เนื่องจาก หากสมาชิกของสมาคม มีการปฏิบัติไม่ดี ก็จะเรียกมาว่ากล่าวตักเตือ และเอาผิดให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นักท่องเที่ยวได้
แนะททท.เชิญบายเออร์ร่วมงานTTM
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า ในการประชุมสมาชิกสมาคม แอตต้าครั้งนี้ ได้พูดถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบิน ซึ่งจะบินไป “โจฮันเนสเบิร์ก” ซึ่งถือเป็นเมืองเกรทเวย์ที่จะเข้าสู่ประเทศในกลุ่มแอฟฟริกาใต้ โดยเริ่มไฟล์ทแรกในเดือนตุลาคมศกนี้ ดังนั้นแอตต้าจึงได้เสนอให้ ททท. ทำหนังสือเชิญบายเออร์จากกลุ่มประเทศดังกล่าว เข้ามาร่วมงาน ไทยแลนด์ ทราวเวล มาร์ท หรือ TTM ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 49 นอกจากนั้น ยังเสนอให้การบินไทย จัดแฟมทริป เชิญสื่อบริษัทนำเที่ยวจากไทยไปดูแหล่งท่องเที่ยวที่ แอฟฟริกาใต้ และ บริษัทนำเที่ยวจากแอฟฟริกาใต้ เข้ามาดูแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย
การเปิดเส้นทางบิน กรุงเทพ-โจฮันเนสเบิร์ก ของการบินไทย จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางระหว่าง 2 ภูมิภาคนี้มากขึ้น จากปัจจุบัน คนจากแอฟฟริกาใต้ เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณปีละเกือบ 4 หมื่นคน ต่อปี ขณะที่การบินไทยจะบิน 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ โดยเครื่องบิน โบอิ้ง 777 -200 ER เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ย 68% ของจำนวนที่นั่งในแต่ละเที่ยวบิน
อย่างไรก็ตาม ประเทศแอฟฟริกาใต้ มีเศรฐกิจที่ดี ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางจะเป็นกลุ่มระดับกลางถึงบน รวมถึงนักธุรกิจ ซึ่งวันพักเฉลี่ยของคนกลุ่มนี้จะอยู่ประมาณ 9 วัน พักโรงแรม 5-6 ดาว และชอบชอปปิ้ง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวยที่นิยม ได้แก่ กรุงเทพ และ เมืองชายทะเล เช่น พัทยา เป็นต้น
นอกจากนั้นข้อเสนอแนะของการบินไทย ตามแผนงานที่จะให้ประเทศไทยเป็นเกรทเวย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะพานักท่องเที่ยวจากอินโดจีนบินจากกรุงเทพไปแอฟฟริกาใต้ และนำนักท่องเที่ยวจากแอฟฟริกาใต้ เข้ามาประเทศไทย ก่อนเดินทางไปเที่ยวยังประเทศอื่นๆ ดังนั้น แพกเกจทัวร์ ที่เราจะสามารถฉวยโอกาสตรงนี้ได้ คือเป็นแพกเกจทัวร์ระยะสั้น จับกลุ่มทรานซิส ซึ่งประเทศเป้าหมาย เช่น มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลี จีน เป็นต้น