“ชาติไทย” วอนรัฐบาลอย่าคลอดนโยบายเศรษฐกิจที่เอื้อแต่นายทุน จี้ปรับโครงสร้างการเก็บภาษีใหม่ โดยเน้นรีดจากสินค้าฟุ่มเฟือยและเร่งขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน
นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเชิงมหภาค ว่า ขณะนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจเชิงมหภาคมากมาย โดยมีสาเหตุจากการที่ราคาเชื้อเพลิงพลังงานเพิ่มสูงขึ้น สินค่าอุปโภคบริโภคก็ถีบตัวสูงขึ้นตาม โดยที่รัฐบาลไม่สามารถที่จะตรึงราคาให้ช่วยเหลือประชาชนได้มากไปกว่าอธิบายสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้วให้ประชาชนปรับตัวเองเอง
ดังนั้นตนจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมหภาคเพื่อให้ไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดความยั่งยืน โดยขอให้พิจารณาแยกกลุ่มคนออกเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มที่เป็นมนุษย์ค่าจ้าง ประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นลูกจ้างที่รับค่าจ้างเท่านั้น ซึ่งขอให้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการค่าจ้างแห่งชาติ เพื่อพิจารณาอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งพิจารณาถึงมาตรการภาษีที่คนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่เสียภาษีมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งในภาวการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะสมกับการที่ประชาชนส่วนมากต้องแบกรับภาษีเหล่านี้ไว้ จึงควรพิจารณาลดหย่อนภาษีให้
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกร ที่มีอยู่ประมาณ 12 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลต้องช่วยเหลือด้วยการประกันราคาพืชผล และภัยพิบัติในไร่นา และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มนายจ้าง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.13 ล้านคน โดยรัฐจะต้องไม่พยายามที่จะออกนโยบายทางเศรษฐกิจที่มุ่งแต่ดูแลประชากรในกลุ่มที่3 แต่ต้องดูแลให้ความรู้แก่กลุ่มนายทุนเพื่อให้ก้าวเข้าสู่ทฤษฎีใหม่ชั้นที่ 3 รวมทั้งจะต้องยกเลิกความคิดที่จะกดราคาต้นทุนเพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
“นอกจากนี้รัฐจะต้องมีแนวคิดใหม่ด้วยการมองคนจนไม่ใช่แค่ตัวเลขความจน แต่มองให้เห็นถึงปัญหาของคนที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และต้องเลิกที่จะแบ่งแยกคนเป็นกลุ่มๆ เพราะการแก้ปัญหาที่เหมาะสมจะต้องสร้างให้เกิดความสามัคคี ปรับฐานความคิดจากเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดให้เป็นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน การผูกขาดตัดตอน รวมทั้งสร้างธรรมาภิบาล และเก็บภาษีโฆษณาที่ก่อให้เกิดการบริโภคอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะเป็นพวกโทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องสำอาง” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเชิงมหภาค ว่า ขณะนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจเชิงมหภาคมากมาย โดยมีสาเหตุจากการที่ราคาเชื้อเพลิงพลังงานเพิ่มสูงขึ้น สินค่าอุปโภคบริโภคก็ถีบตัวสูงขึ้นตาม โดยที่รัฐบาลไม่สามารถที่จะตรึงราคาให้ช่วยเหลือประชาชนได้มากไปกว่าอธิบายสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้วให้ประชาชนปรับตัวเองเอง
ดังนั้นตนจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมหภาคเพื่อให้ไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดความยั่งยืน โดยขอให้พิจารณาแยกกลุ่มคนออกเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มที่เป็นมนุษย์ค่าจ้าง ประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นลูกจ้างที่รับค่าจ้างเท่านั้น ซึ่งขอให้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการค่าจ้างแห่งชาติ เพื่อพิจารณาอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งพิจารณาถึงมาตรการภาษีที่คนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่เสียภาษีมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งในภาวการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะสมกับการที่ประชาชนส่วนมากต้องแบกรับภาษีเหล่านี้ไว้ จึงควรพิจารณาลดหย่อนภาษีให้
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกร ที่มีอยู่ประมาณ 12 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลต้องช่วยเหลือด้วยการประกันราคาพืชผล และภัยพิบัติในไร่นา และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มนายจ้าง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.13 ล้านคน โดยรัฐจะต้องไม่พยายามที่จะออกนโยบายทางเศรษฐกิจที่มุ่งแต่ดูแลประชากรในกลุ่มที่3 แต่ต้องดูแลให้ความรู้แก่กลุ่มนายทุนเพื่อให้ก้าวเข้าสู่ทฤษฎีใหม่ชั้นที่ 3 รวมทั้งจะต้องยกเลิกความคิดที่จะกดราคาต้นทุนเพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
“นอกจากนี้รัฐจะต้องมีแนวคิดใหม่ด้วยการมองคนจนไม่ใช่แค่ตัวเลขความจน แต่มองให้เห็นถึงปัญหาของคนที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และต้องเลิกที่จะแบ่งแยกคนเป็นกลุ่มๆ เพราะการแก้ปัญหาที่เหมาะสมจะต้องสร้างให้เกิดความสามัคคี ปรับฐานความคิดจากเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดให้เป็นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน การผูกขาดตัดตอน รวมทั้งสร้างธรรมาภิบาล และเก็บภาษีโฆษณาที่ก่อให้เกิดการบริโภคอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะเป็นพวกโทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องสำอาง” นายวีระศักดิ์ กล่าว