สหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.)ออกแถลงการณ์คัดค้านเรกกูเลเตอร์ที่กีดกันบริษัท กฟผ.เข้าประมูลแข่งขันในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (ไอพีพี) พร้อมระบุไม่เป็นผลดีต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าโดยรวม เนื่องจากมีบริษัทเข้าแข่งขันน้อยราย ทำให้ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มแพงขึ้น
นายประสิทธิ์ ค่ายกนกวงศ์ รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณากำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (เรกกูเลเตอร์) ที่ระบุหลักเกณฑ์ห้ามบริษัทที่ กฟผ.ถือหุ้นใหญ่ ทั้งในเชิงทุนและเชิงบริหารเข้าร่วมประมูลแข่งขันในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (ไอพีพี) เพราะถือว่าเป็นการกีดกันบริษัทเอกชนที่รัฐถือหุ้นใหญ่แต่น้อยกว่าร้อยละ 50 เข้าร่วมประมูลไอพีพี ไม่เป็นผลดีต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าโดยรวม เนื่องจากมีบริษัทเข้าแข่งขันน้อยราย ทำให้ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มแพงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าไอพีพี ที่ระบุว่า “การเปิดประมูลนั้นจะต้องไม่เอื้อประโยชน์ต่อรายใด และให้เกิดการแข่งขันแท้จริง โดยเฉพาะหากไอพีพี เข้าร่วมประมูลน้อยรายแล้วจะไม่มีการแข่งขัน” ซึ่ง สร.กฟผ. เห็นว่า การที่รัฐถือหุ้นในบริษัทเอกชนที่เป็นไอพีพีนั้น ก็ถือว่าการลงทุนกิจการของภาครัฐ ซึ่งไม่ได้เสียหายแต่ประการใด แต่กลับจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับจะนำเข้ารัฐเพื่อเสริมการพัฒนาประเทศ และ สร.กฟผ.ขอสนับสนุนการประมูลไอพีพีที่เกิดประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าให้มากที่สุด และมีค่าไฟฟ้าราคาถูกสุด
นายประสิทธิ์ ค่ายกนกวงศ์ รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณากำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (เรกกูเลเตอร์) ที่ระบุหลักเกณฑ์ห้ามบริษัทที่ กฟผ.ถือหุ้นใหญ่ ทั้งในเชิงทุนและเชิงบริหารเข้าร่วมประมูลแข่งขันในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (ไอพีพี) เพราะถือว่าเป็นการกีดกันบริษัทเอกชนที่รัฐถือหุ้นใหญ่แต่น้อยกว่าร้อยละ 50 เข้าร่วมประมูลไอพีพี ไม่เป็นผลดีต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าโดยรวม เนื่องจากมีบริษัทเข้าแข่งขันน้อยราย ทำให้ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มแพงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าไอพีพี ที่ระบุว่า “การเปิดประมูลนั้นจะต้องไม่เอื้อประโยชน์ต่อรายใด และให้เกิดการแข่งขันแท้จริง โดยเฉพาะหากไอพีพี เข้าร่วมประมูลน้อยรายแล้วจะไม่มีการแข่งขัน” ซึ่ง สร.กฟผ. เห็นว่า การที่รัฐถือหุ้นในบริษัทเอกชนที่เป็นไอพีพีนั้น ก็ถือว่าการลงทุนกิจการของภาครัฐ ซึ่งไม่ได้เสียหายแต่ประการใด แต่กลับจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับจะนำเข้ารัฐเพื่อเสริมการพัฒนาประเทศ และ สร.กฟผ.ขอสนับสนุนการประมูลไอพีพีที่เกิดประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าให้มากที่สุด และมีค่าไฟฟ้าราคาถูกสุด