มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยชี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมทรุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในเดือนถัดไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเมืองและราคาน้ำมันแพง เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่ดัชนีความสุขของคนไทยถดถอย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม ยังคงลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 75.5 ลดลงจาก 76.7 ในเดือนเมษายน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 49 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 76.4 ลดลงจาก 77.2 ในเดือนเมษายน ต่ำสุดในรอบ 42 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 92.6 ลดลงจาก 93.7 ในเดือนเมษายน
“สัญญาณที่เกิดขึ้นเวลานี้ ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งความเชื่อมั่นในอนาคตก็ปรับลดลง เพราะฉะนั้น เชื่อว่าการบริโภคที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 น่าจะลดลงต่อเนื่อง และจะไปฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 4 หรือช่วงใกล้ปีใหม่ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคมนี้” นายธนวรรธน์ กล่าว
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังระบุด้วยว่า การปรับลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม ยังไม่ใช่จุดต่ำสุด และคาดว่าในเดือนถัดไปจะยังปรับลดลงต่อเนื่อง เพราะคนยังมีความกังวลปัจจัยทางการเมืองและราคาน้ำมันเป็นหลัก และปัจจุบัน ปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันเริ่มมีความกังวลมากขึ้น มาอยู่ที่ร้อยละ 93.5 จากที่อยู่ระดับร้อยละ 80 ในเดือนเมษายน สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปบ้าง แต่ปัจจัยลบมีมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่เพิ่มขึ้นลิตรละ 1.15 บาท ส่งผลให้น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาแตะระดับสูงสุด 29.89 บาทต่อลิตร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จากร้อยละ 4.5-5.5 เหลือร้อยละ 4.5-5.0 รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังเกิดขึ้นตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากความกังวลและความเชื่อมั่นที่ลดลง ทำให้ความเชื่อมั่นที่จะซื้อสินค้าคงทน เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือลงทุนทำธุรกิจก็ลดลงด้วย
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า ปลายเดือนมิถุนายนนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ จะมีการปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ โดยจะลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4-4.5 เพราะต้องประเมินผลกระทบจากราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกและการขยายตัวด้านการลงทุนที่คาดว่าจะหดตัวลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 8-10
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวอีกว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศูนย์ฯ ได้จัดทำผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางสังคม หรือดัชนีความสุขของคนไทย โดยดัชนีอยู่ที่ 88.2 และใน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 88 ดัชนีค่าครองชีพอยู่ที่ 48.3 ส่วน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 48.4 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 100 มาก ดัชนีเกี่ยวกับยาเสพติดเท่ากับ 44.3 อีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 47.9 ดัชนีเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 51.4 ส่วน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 54.5 และดัชนีเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง อยู่ที่ 24.4 และ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 32.6 แสดงให้เห็นว่า คนไทยยังรู้สึกว่า ความสุขในปัจจุบันอยู่ในระดับแย่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม ยังคงลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 75.5 ลดลงจาก 76.7 ในเดือนเมษายน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 49 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 76.4 ลดลงจาก 77.2 ในเดือนเมษายน ต่ำสุดในรอบ 42 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 92.6 ลดลงจาก 93.7 ในเดือนเมษายน
“สัญญาณที่เกิดขึ้นเวลานี้ ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งความเชื่อมั่นในอนาคตก็ปรับลดลง เพราะฉะนั้น เชื่อว่าการบริโภคที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 น่าจะลดลงต่อเนื่อง และจะไปฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 4 หรือช่วงใกล้ปีใหม่ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคมนี้” นายธนวรรธน์ กล่าว
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังระบุด้วยว่า การปรับลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม ยังไม่ใช่จุดต่ำสุด และคาดว่าในเดือนถัดไปจะยังปรับลดลงต่อเนื่อง เพราะคนยังมีความกังวลปัจจัยทางการเมืองและราคาน้ำมันเป็นหลัก และปัจจุบัน ปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันเริ่มมีความกังวลมากขึ้น มาอยู่ที่ร้อยละ 93.5 จากที่อยู่ระดับร้อยละ 80 ในเดือนเมษายน สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปบ้าง แต่ปัจจัยลบมีมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่เพิ่มขึ้นลิตรละ 1.15 บาท ส่งผลให้น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาแตะระดับสูงสุด 29.89 บาทต่อลิตร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จากร้อยละ 4.5-5.5 เหลือร้อยละ 4.5-5.0 รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังเกิดขึ้นตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากความกังวลและความเชื่อมั่นที่ลดลง ทำให้ความเชื่อมั่นที่จะซื้อสินค้าคงทน เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือลงทุนทำธุรกิจก็ลดลงด้วย
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า ปลายเดือนมิถุนายนนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ จะมีการปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ โดยจะลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4-4.5 เพราะต้องประเมินผลกระทบจากราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกและการขยายตัวด้านการลงทุนที่คาดว่าจะหดตัวลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 8-10
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวอีกว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศูนย์ฯ ได้จัดทำผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางสังคม หรือดัชนีความสุขของคนไทย โดยดัชนีอยู่ที่ 88.2 และใน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 88 ดัชนีค่าครองชีพอยู่ที่ 48.3 ส่วน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 48.4 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 100 มาก ดัชนีเกี่ยวกับยาเสพติดเท่ากับ 44.3 อีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 47.9 ดัชนีเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 51.4 ส่วน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 54.5 และดัชนีเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง อยู่ที่ 24.4 และ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 32.6 แสดงให้เห็นว่า คนไทยยังรู้สึกว่า ความสุขในปัจจุบันอยู่ในระดับแย่