รีเจ้นท์ ชะอำฯ จีบ ฮอลิเดย์อินน์ เข้าบริหารงาน หวังใช้อินเตอร์เชนเสริมเขี้ยวสู้ศึกธุรกิจโรงแรมแข่งดุ ด้าน “ปิยะมาน” ผู้บริหารและเจ้าของโรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำฯ อ้างต้องการวางมือเพื่อไปทำธุรกิจอื่น
แหล่งข่าวจากวงการโรงแรม เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้โรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท จะมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงาน โดยโรงแรม รีเจ้นท์ ได้เจรจา กับเครือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เพื่อนำแบรนด์ “ฮอลิเดย์ อินน์” ซึ่งเป็นเชนโรงแรมระดับ 4 ดาว เข้ามาบริหารงานในโรงแรมรีเจ้นท์ชะอำฯ ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าบริหารได้ในปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า
ในเรื่องดังกล่าว นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท กล่าวว่า ทางโรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ จะมีการนำเชนโรงแรมเข้ามาบริหารงานจริง โดยจะมีการชี้แจงกับสื่อมวลชนในสัปดาห์นี้ โดยส่วนหนึ่งมาจากเหตุผลส่วนตัวที่ต้องการหาเวลาไปทำธุรกิจอื่นๆที่สนใจอีกหลายอย่าง อีกทั้งในครอบครัวก็ยังมีที่ดินอีกจำนวนมาก ที่รอการพัฒนา ดังนั้นการที่ธุรกิจนี้อยู่ตัวแล้วถึงเวลาต้องวางมือไปบุกเบิกกิจการอื่นต่อไป
ปัจจุบันโรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ มีอัตราเข้าพัก ที่ 40-50% ยอมรับว่า ในเดือนมิถุนายนนี้จะเงียบเหงากว่าช่วงโลว์ซีซั่นของทุกปีที่ผ่านมาเพราะเป็นช่วงเทศกาลบอลโลก ทำให้ต่างชาติไม่เดินทางเข้าประเทศไทย ขณะเดียวกันตลาดคนไทยเองก็ชะลอการเดินทาง เพราะภาวะเศรษฐกิจและเป็นช่วงฤดูฝน
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ ก่อตั้งมากว่า 30 ปี โดยการบริหารงานของตระกูลเตชะไพบูลย์ มโดยตลอด ซึ่งช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา ทางโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ ได้ลงทุนครั้งใหญ่ กว่า 60 ล้านบาท ก่อสร้างอาคาร "เลคไซด์ พาวิลเลี่ยน" เพื่อเป็นสถานที่จัดเลี้ยงแห่งใหม่ขนาด 2 พันตารางเมตร รองรับกลุ่มการประชุมสัมมนา หรือตลาดไมซ์ และปรับปรุงห้องประชุม แกรนด์เสมาฮอลล์และห้องพาร์ควิวใหม่ รวมกับอาคารเพชรบุรี แกรนด์ฮอลล์ และห้องรีเจ้นท์ฮอลล์เดิม กลายเป็นศูนย์ประชุมสัมมนา "รีเจ้นท์ ชะอำ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์" ซึ่งเป็นศูนย์ประชุมทันสมัย ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตก ส่งผลให้ผลประกอบการด้านธุรกิจจัดสัมมนา เติบโตต่อปีไม่น้อยกว่า 12-13% มาโดยตลอด
นอกจากนั้น ในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังทยอยรีโนเวตห้องพัก พร้อมเพิ่มบริการ สปา ตอบรับกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังได้ปรับปรุงเว็บไซน์ เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ที่ต้องการจองห้องพักผ่านเว็บไซน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน อัตราการจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงมาก
ทั้งนี้จากการที่ ททท. มีการกระตุ้นส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ชะอำ และหัวหิน ก้าวขึ้นมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทย เพราะ อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัว ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ ทำให้ นักท่องเที่ยวหักเหการเดินทางมาเที่ยวฝั่งทะเลอ่าวไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ชะอำ และหัวหิน ได้รับอานิสงส์ ครั้งนี้ด้วย จะเห็นว่า เกิดการลงทุนเปิดโรงแรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันโรงแรมขนาดเล็ก ที่บริหารโดยคนไทย ก็จะผันตัวปรับเข้าระบบอินเตอร์เชน เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
แหล่งข่าวจากวงการโรงแรม เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้โรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท จะมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงาน โดยโรงแรม รีเจ้นท์ ได้เจรจา กับเครือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เพื่อนำแบรนด์ “ฮอลิเดย์ อินน์” ซึ่งเป็นเชนโรงแรมระดับ 4 ดาว เข้ามาบริหารงานในโรงแรมรีเจ้นท์ชะอำฯ ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าบริหารได้ในปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า
ในเรื่องดังกล่าว นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท กล่าวว่า ทางโรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ จะมีการนำเชนโรงแรมเข้ามาบริหารงานจริง โดยจะมีการชี้แจงกับสื่อมวลชนในสัปดาห์นี้ โดยส่วนหนึ่งมาจากเหตุผลส่วนตัวที่ต้องการหาเวลาไปทำธุรกิจอื่นๆที่สนใจอีกหลายอย่าง อีกทั้งในครอบครัวก็ยังมีที่ดินอีกจำนวนมาก ที่รอการพัฒนา ดังนั้นการที่ธุรกิจนี้อยู่ตัวแล้วถึงเวลาต้องวางมือไปบุกเบิกกิจการอื่นต่อไป
ปัจจุบันโรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ มีอัตราเข้าพัก ที่ 40-50% ยอมรับว่า ในเดือนมิถุนายนนี้จะเงียบเหงากว่าช่วงโลว์ซีซั่นของทุกปีที่ผ่านมาเพราะเป็นช่วงเทศกาลบอลโลก ทำให้ต่างชาติไม่เดินทางเข้าประเทศไทย ขณะเดียวกันตลาดคนไทยเองก็ชะลอการเดินทาง เพราะภาวะเศรษฐกิจและเป็นช่วงฤดูฝน
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ ก่อตั้งมากว่า 30 ปี โดยการบริหารงานของตระกูลเตชะไพบูลย์ มโดยตลอด ซึ่งช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา ทางโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ ได้ลงทุนครั้งใหญ่ กว่า 60 ล้านบาท ก่อสร้างอาคาร "เลคไซด์ พาวิลเลี่ยน" เพื่อเป็นสถานที่จัดเลี้ยงแห่งใหม่ขนาด 2 พันตารางเมตร รองรับกลุ่มการประชุมสัมมนา หรือตลาดไมซ์ และปรับปรุงห้องประชุม แกรนด์เสมาฮอลล์และห้องพาร์ควิวใหม่ รวมกับอาคารเพชรบุรี แกรนด์ฮอลล์ และห้องรีเจ้นท์ฮอลล์เดิม กลายเป็นศูนย์ประชุมสัมมนา "รีเจ้นท์ ชะอำ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์" ซึ่งเป็นศูนย์ประชุมทันสมัย ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตก ส่งผลให้ผลประกอบการด้านธุรกิจจัดสัมมนา เติบโตต่อปีไม่น้อยกว่า 12-13% มาโดยตลอด
นอกจากนั้น ในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังทยอยรีโนเวตห้องพัก พร้อมเพิ่มบริการ สปา ตอบรับกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังได้ปรับปรุงเว็บไซน์ เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ที่ต้องการจองห้องพักผ่านเว็บไซน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน อัตราการจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงมาก
ทั้งนี้จากการที่ ททท. มีการกระตุ้นส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ชะอำ และหัวหิน ก้าวขึ้นมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทย เพราะ อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัว ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ ทำให้ นักท่องเที่ยวหักเหการเดินทางมาเที่ยวฝั่งทะเลอ่าวไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ชะอำ และหัวหิน ได้รับอานิสงส์ ครั้งนี้ด้วย จะเห็นว่า เกิดการลงทุนเปิดโรงแรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันโรงแรมขนาดเล็ก ที่บริหารโดยคนไทย ก็จะผันตัวปรับเข้าระบบอินเตอร์เชน เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ