พนักงานโปแตซอาเซียนสุดเซ็ง ไม่ได้รับเงินเดือนมา 2 เดือนแล้ว เหตุผู้ถือหุ้นใหม่ “STPD” ที่ถือหุ้นใหญ่โดย “เหยียนปิง” ไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มทุนให้ครบจำนวน อ้างเหตุการเมืองไม่แน่นอนและโครงการไม่คืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้พนักงาน บริษัท เหมืองแร่โปแตซอาเซียน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลไทยจัดตั้งขึ้นร่วมกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อทำการผลิตโปแตซ ที่มีประมาณ 50 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่ได้รับการจ่ายเงินเดือนมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ล่าสุดวันนี้ตัวแทนพนักงานได้เข้าพบ นายเชิดชัย ขันธ์นะภา ที่ปรึกษาการคลัง กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นประธานบริษัทคนใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาโดยด่วน ซึ่งปัญหาการไม่จ่ายเงินเดือนนี้เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ คือบริษัท ชิโน-ไทย โปแตช ดีเวลล็อปเมนท์กรุ๊ปจำกัด (Sino-Thai Potash Development Group Co.,Ltd.) “STPD” ที่ถือหุ้นใหญ่ โดย นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง หรือ “เหยียนปิง” ได้อ้างปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองของไทย และความไม่ก้าวหน้าของโครงการที่ยังไม่ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่ ทำให้หยุดการจ่ายเงิน โดยจ่ายเข้ามาเพียง 30 ล้านบาท จากวงเงินที่ต้องจ่ายรวม 1,091,064,100 บาท เพื่อได้สิทธิเข้ามาถือหุ้นหลังเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 49 ซึ่งพนักงานที่มีประมาณ 50 คน ได้ขอเจรจากับ นายชาญชัยหลายครั้งและได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
“นายเหยียนปิงเข้ามาได้สิทธิถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 49 ในปี 2548 ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลได้ถือเป็นหนึ่งโครงการในการนำเสนอความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 30 ปี แห่งความสัมพันธ์ แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลงการเมืองก็ไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มทำให้โครงการสะดุด ซึ่งในขณะนี้มีบริษัทจีน 5-6 ราย ต้องการเข้ามาถือหุ้นใหม่ในบริษัท เนื่องจากจีนต้องการโปแตซถึง 6 ล้านตัน/ปี แต่ก็เข้ามาถือหุ้นไม่ได้ เพราะ STPD ยังได้สิทธิเพิ่มทุนอยู่ หากรัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ปัญหาสร้างความชัดเจน ก็จะทำให้โครงการเดินหน้าได้” แหล่งข่าวจากโปแตซอาเซียนระบุ
ทั้งนี้ โครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียน จ.ชัยภูมิ ได้เริ่มดำเนินโครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2534 ทุนจดทะเบียน 2,226.66 ล้านบาท ชำระแล้ว 1,165.60 ล้านบาท ปัจจุบันถือหุ้นโดยรัฐบาลบรูไน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศละร้อยละ 1.10 อินโดนีเซียและมาเลเซีย ถือหุ้นประเทศละ ร้อยละ 14.35 ญี่ปุ่นร้อยละ 2.69 ส่วนไทยถือหุ้นร้อยละ 65.29 ประกอบด้วยกระทรวงการคลัง ร้อยละ 22.08 ธ.ทหารไทย ร้อยละ 15.60 และเอกชนไทยนำโดย บริษัทเทพารักษ์ฯ ร้อยละ 27.61 ซึ่งในส่วนของ STPD ได้ลงนามที่จะเข้ามามีสิทธิเข้ามาถือหุ้นในการเพิ่มทุนครั้งใหม่แต่ก็ได้หยุดการใส่เงินให้กับบริษัท และเมื่อเกิดปัญหาพนักงานพยายามขอให้ นายสมหมาย ภาษี อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการบริษัทคนเดิมเข้ามาช่วยแก้ปัญหา แต่นายสมหมายก็ไม่ขอดำรงตำแหน่งต่อเมื่อครบวาระประมาณเดือนเมษายน ในขณะเดียวกัน นายอภิชาต ธรรมสโรช กรรมการผู้จัดการก็ขอลาออกตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้พนักงาน บริษัท เหมืองแร่โปแตซอาเซียน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลไทยจัดตั้งขึ้นร่วมกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อทำการผลิตโปแตซ ที่มีประมาณ 50 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่ได้รับการจ่ายเงินเดือนมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ล่าสุดวันนี้ตัวแทนพนักงานได้เข้าพบ นายเชิดชัย ขันธ์นะภา ที่ปรึกษาการคลัง กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นประธานบริษัทคนใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาโดยด่วน ซึ่งปัญหาการไม่จ่ายเงินเดือนนี้เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ คือบริษัท ชิโน-ไทย โปแตช ดีเวลล็อปเมนท์กรุ๊ปจำกัด (Sino-Thai Potash Development Group Co.,Ltd.) “STPD” ที่ถือหุ้นใหญ่ โดย นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง หรือ “เหยียนปิง” ได้อ้างปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองของไทย และความไม่ก้าวหน้าของโครงการที่ยังไม่ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่ ทำให้หยุดการจ่ายเงิน โดยจ่ายเข้ามาเพียง 30 ล้านบาท จากวงเงินที่ต้องจ่ายรวม 1,091,064,100 บาท เพื่อได้สิทธิเข้ามาถือหุ้นหลังเพิ่มทุนในสัดส่วนร้อยละ 49 ซึ่งพนักงานที่มีประมาณ 50 คน ได้ขอเจรจากับ นายชาญชัยหลายครั้งและได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
“นายเหยียนปิงเข้ามาได้สิทธิถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 49 ในปี 2548 ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลได้ถือเป็นหนึ่งโครงการในการนำเสนอความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 30 ปี แห่งความสัมพันธ์ แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลงการเมืองก็ไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มทำให้โครงการสะดุด ซึ่งในขณะนี้มีบริษัทจีน 5-6 ราย ต้องการเข้ามาถือหุ้นใหม่ในบริษัท เนื่องจากจีนต้องการโปแตซถึง 6 ล้านตัน/ปี แต่ก็เข้ามาถือหุ้นไม่ได้ เพราะ STPD ยังได้สิทธิเพิ่มทุนอยู่ หากรัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ปัญหาสร้างความชัดเจน ก็จะทำให้โครงการเดินหน้าได้” แหล่งข่าวจากโปแตซอาเซียนระบุ
ทั้งนี้ โครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียน จ.ชัยภูมิ ได้เริ่มดำเนินโครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2534 ทุนจดทะเบียน 2,226.66 ล้านบาท ชำระแล้ว 1,165.60 ล้านบาท ปัจจุบันถือหุ้นโดยรัฐบาลบรูไน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศละร้อยละ 1.10 อินโดนีเซียและมาเลเซีย ถือหุ้นประเทศละ ร้อยละ 14.35 ญี่ปุ่นร้อยละ 2.69 ส่วนไทยถือหุ้นร้อยละ 65.29 ประกอบด้วยกระทรวงการคลัง ร้อยละ 22.08 ธ.ทหารไทย ร้อยละ 15.60 และเอกชนไทยนำโดย บริษัทเทพารักษ์ฯ ร้อยละ 27.61 ซึ่งในส่วนของ STPD ได้ลงนามที่จะเข้ามามีสิทธิเข้ามาถือหุ้นในการเพิ่มทุนครั้งใหม่แต่ก็ได้หยุดการใส่เงินให้กับบริษัท และเมื่อเกิดปัญหาพนักงานพยายามขอให้ นายสมหมาย ภาษี อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการบริษัทคนเดิมเข้ามาช่วยแก้ปัญหา แต่นายสมหมายก็ไม่ขอดำรงตำแหน่งต่อเมื่อครบวาระประมาณเดือนเมษายน ในขณะเดียวกัน นายอภิชาต ธรรมสโรช กรรมการผู้จัดการก็ขอลาออกตามไปด้วย