เจ.เพรส เปิดแผนรุก “นารายณ์พิซเซอเรีย” เล็งผุดอีก 5-10 สาขาในปีนี้ เร่งเจรจาเดอะมอลล์ใช้พื้นที่ เผยอนาคตเตรียมขายแฟรนไชส์ หวังขยายตัวได้เร็วขึ้น พร้อมรีโนเวตสาขาเดิมเป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ คาดยอดขายปีนี้เติบโต 15% ยันข่าวปิดร้านพิซเซอเรียที่โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม ทำให้ผู้บริโภคสับสน
นายกฤษดา ศุภพาณิชวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พิซเซอเรีย จำกัด ธุรกิจในกลุ่มของ เจ.เพรส เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า หลังจากที่ทางกลุ่มเจ.เพรส ได้เข้าซื้อกิจการนารายณ์พิซเซอเรียมาทั้งหมด จากทางกลุ่มโรงแรมนารายณ์ที่เป็นเจ้าของเดิม ทั้งสาขา แบรนด์ และรับโอนพนักงานมาเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการพัฒนาและปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้กล่าวได้ว่า เริ่มอยู่ในภาวะที่ดีแล้ว
ปัจจุบันบริษัทฯสามารถเปิดสาขาได้มากถึง 16 แห่ง จากเดิมเมื่อช่วงซื้อกิจการมามีเพียง 5 สาขาเท่านั้นเอง โดยปีที่แล้วเปิดสาขาประมาณ 6-7 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เร็วมาก อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมด 5-10 สาขา ซึ่งได้เปิดไปแล้วประมาณ 2 แห่งคือที่ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ถนนลาดพร้าว และโครงการเซ็นจูรี่ที่ถนนพญาไท
นอกจากนั้นอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าของพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าหลายแห่ง เช่น เดอะมอลล์สาขาบางแค สาขาบางกะปิ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นเป็นเพียงนโยบายในบริษัทฯ แต่ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับการหาทำเลได้หรือไม่ และทำเลที่มีนั้นมีความเหมาะสมในการลงทุนหรือไม่ เพราะในเรื่องของเงินลงทุนนั้นบริษัทฯมีความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันยอมรับว่าทำเลดีๆหายากมากขึ้น โดยงบลงทุนเปิดสาขาร้านนารายณ์พิซเซอเรียนั้นมีประมาณ 5-10 ล้านบาทต่อสาขา
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ก็จะเป็นช่วงที่บริษัทฯเตรียมจะรีโนเวตสาขาเดิมที่เปิดมาแล้ว โดยจะทยอยปรับปรุง ซึ่งจะปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดให้เป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ที่เพิ่งเปิดไปที่ ยูเนียนมอลล์กับเซ็นจูรี่ ที่จะเป็นสาขาแม่แบบในการรีโนเวตทั้งหมดด้วย ให้มีความสดใสมากขึ้น
สำหรับทิศทางในการขยายตัวของร้านนารายณ์พิซเซอเรียนั้น นอกจากจะลงทุนเองแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตบริษัทฯจะทำการขายสิทธ์แฟรนไชส์ด้วยให้กับนักลงทุนที่มีความสนใจ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการเริ่มศึกษา ซึ่งคาดว่าอาจจะเห็นได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ ซึ่งการขายแฟรนไชส์จะช่วยทำให้บริษัทฯขยายตัวได้รวดเร็วอีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนด้วยเพราะจะมีออเดอร์ สั่งซื้อวัตถุดิบมากขึ้นได้ราคาต่ำลง
ในด้านของกิจกรรมการตลาดนั้นจะมีการทำอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ก็จะไม่ได้ทำในวงกว้างเท่าใดนัก เนื่องจากจำนวนสาขายังมีน้อยอยู่ และยังไม่มีการลงโฆษณาในทีวีหรือหนังสือพิมพ์มากเท่าใด ล่าสุดร่วมมือกับ โอเคแคช ในการจัดทำกิจกรรมต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลกที่จะถึงนี้ โดยตั้งงบประมาณการตลาดทั้งปีไว้ 3-5% จากยอดขายรวม
นายกฤษดากล่าว่า จากการวางแผนธุรกิจนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจว่า ผลประกอบการของนารายณ์พิซเซอเรียในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตทางด้านยอดขายกว่า 15% ขณะที่ปีที่แล้วมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ซึ่งมากกว่าเนื่องจากว่ามีการเปิดสาขาได้มาก โดยยอดขายหลักจะมาจาก การเข้ามานั่งทานในร้าน 80% และช่องทางดีลิเวอรี่อีก 20% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯใช้เบอร์ 7 หลักคือ 02-678-0555 ซึ่งในอนาคตอาจจะปรับมาเป็นเบอร์ 4 หลัก
สำหรับกรณีความสับสนของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นคิดว่า นารายณ์พิซเซอเรียปิดบริการหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องเข้าใจผิดของข่าว ซึ่งที่จริงแล้วร้านที่ปิดบริการคือ พิซเซอเรีย ซึ่งเป็นห้องอาหารพิซซ่าของโรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม ไม่เกี่ยวกับบริษัทฯแต่อย่างใด
นายกฤษดา ศุภพาณิชวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พิซเซอเรีย จำกัด ธุรกิจในกลุ่มของ เจ.เพรส เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า หลังจากที่ทางกลุ่มเจ.เพรส ได้เข้าซื้อกิจการนารายณ์พิซเซอเรียมาทั้งหมด จากทางกลุ่มโรงแรมนารายณ์ที่เป็นเจ้าของเดิม ทั้งสาขา แบรนด์ และรับโอนพนักงานมาเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการพัฒนาและปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้กล่าวได้ว่า เริ่มอยู่ในภาวะที่ดีแล้ว
ปัจจุบันบริษัทฯสามารถเปิดสาขาได้มากถึง 16 แห่ง จากเดิมเมื่อช่วงซื้อกิจการมามีเพียง 5 สาขาเท่านั้นเอง โดยปีที่แล้วเปิดสาขาประมาณ 6-7 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เร็วมาก อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมด 5-10 สาขา ซึ่งได้เปิดไปแล้วประมาณ 2 แห่งคือที่ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ถนนลาดพร้าว และโครงการเซ็นจูรี่ที่ถนนพญาไท
นอกจากนั้นอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าของพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าหลายแห่ง เช่น เดอะมอลล์สาขาบางแค สาขาบางกะปิ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นเป็นเพียงนโยบายในบริษัทฯ แต่ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับการหาทำเลได้หรือไม่ และทำเลที่มีนั้นมีความเหมาะสมในการลงทุนหรือไม่ เพราะในเรื่องของเงินลงทุนนั้นบริษัทฯมีความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันยอมรับว่าทำเลดีๆหายากมากขึ้น โดยงบลงทุนเปิดสาขาร้านนารายณ์พิซเซอเรียนั้นมีประมาณ 5-10 ล้านบาทต่อสาขา
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ก็จะเป็นช่วงที่บริษัทฯเตรียมจะรีโนเวตสาขาเดิมที่เปิดมาแล้ว โดยจะทยอยปรับปรุง ซึ่งจะปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดให้เป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ที่เพิ่งเปิดไปที่ ยูเนียนมอลล์กับเซ็นจูรี่ ที่จะเป็นสาขาแม่แบบในการรีโนเวตทั้งหมดด้วย ให้มีความสดใสมากขึ้น
สำหรับทิศทางในการขยายตัวของร้านนารายณ์พิซเซอเรียนั้น นอกจากจะลงทุนเองแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตบริษัทฯจะทำการขายสิทธ์แฟรนไชส์ด้วยให้กับนักลงทุนที่มีความสนใจ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการเริ่มศึกษา ซึ่งคาดว่าอาจจะเห็นได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ ซึ่งการขายแฟรนไชส์จะช่วยทำให้บริษัทฯขยายตัวได้รวดเร็วอีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนด้วยเพราะจะมีออเดอร์ สั่งซื้อวัตถุดิบมากขึ้นได้ราคาต่ำลง
ในด้านของกิจกรรมการตลาดนั้นจะมีการทำอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ก็จะไม่ได้ทำในวงกว้างเท่าใดนัก เนื่องจากจำนวนสาขายังมีน้อยอยู่ และยังไม่มีการลงโฆษณาในทีวีหรือหนังสือพิมพ์มากเท่าใด ล่าสุดร่วมมือกับ โอเคแคช ในการจัดทำกิจกรรมต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลกที่จะถึงนี้ โดยตั้งงบประมาณการตลาดทั้งปีไว้ 3-5% จากยอดขายรวม
นายกฤษดากล่าว่า จากการวางแผนธุรกิจนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจว่า ผลประกอบการของนารายณ์พิซเซอเรียในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตทางด้านยอดขายกว่า 15% ขณะที่ปีที่แล้วมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ซึ่งมากกว่าเนื่องจากว่ามีการเปิดสาขาได้มาก โดยยอดขายหลักจะมาจาก การเข้ามานั่งทานในร้าน 80% และช่องทางดีลิเวอรี่อีก 20% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯใช้เบอร์ 7 หลักคือ 02-678-0555 ซึ่งในอนาคตอาจจะปรับมาเป็นเบอร์ 4 หลัก
สำหรับกรณีความสับสนของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นคิดว่า นารายณ์พิซเซอเรียปิดบริการหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องเข้าใจผิดของข่าว ซึ่งที่จริงแล้วร้านที่ปิดบริการคือ พิซเซอเรีย ซึ่งเป็นห้องอาหารพิซซ่าของโรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม ไม่เกี่ยวกับบริษัทฯแต่อย่างใด