โรงแรมนารายณ์ ปรับใหญ่ หวังขยายกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทำรีแบรนด์ดิ้ง ตัดใจปิดตำนานห้องอาหารพิซเซอเรีย ที่เปิดมานานกว่า 30 ปี ปรับโฉมใหม่เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยน เป๊ปเป้อโรนี ลุยปรับโฉมห้องพักใหม่ คาดยอดรายได้ทั้งหมดปีนี้โต 15%
นายพิเชษฐ นิธิวาสิน กรรมการผู้อำนวยการ โรงแรมนารายณ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้โรงแรมนารายณ์มีแผนที่จะใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท ในการรีโนเวตโรงแรมใหม่เพื่อที่จะปรับภาพลักษณ์ใหม่และการทำรีแบรนด์ดิ้งด้วย จึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับการทำรีแบรดน์ดิ้ง อีกทั้งเพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น
โดยจะทยอยทำในแต่ละส่วน ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ได้ดำเนินการปรับปรุงโฉมห้องพักในชั้นที่ 3 และ 12 เพิ่งแล้วเสร็จและขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงชั้นที่ 9 ใหม่ทั้งหมด โดยใช้งบประมาณ 12 ล้านบาท
ขณะเดียวกันเตรียม จะปิดห้องอาหารพิซเซอเรียที่ชั้นล่างซึ่งเปิดบริการมานานกว่า 30 ปีแล้ว ภายในวันที่ 1 มิถุนายนศกนี้ และเตรียมปรับเป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยนที่ชื่อว่า เป๊ปเป้อโรนี โดยใช้งบประมาณกว่า 12 ล้านบาท ให้บริการภายในเดือนกันยายนนี้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปี 2545 โรงแรมนารายณ์ได้โอนธุรกิจพิซซ่าในนามของนารายณ์พิซเซอเรียให้กับกลุ่ม เจ.เพรส. ไปแล้ว แต่ก็ยังคงบริการพิซซ่าในโรงแรมได้ในนาม พิซเซอเรีย ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมและเป็นห้องอาหารที่ให้บริการพิซซ่าดั้งเดิมรายแรกในโรงแรมของประเทศไทย
ปัจจุบันโรงแรมนารายณ์มีรายได้มาจาก 2 ส่วนหลักคือ ห้องพักและห้องอาหาร โดยห้องพักมีประมาณ 469 ห้อง ซึ่งอัตราค่าห้องพักตั้งแต่ 2,200 -7,000 บาทต่อคืน และเพิ่งปรับราคาค่าห้องพัก 10% เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมีอัตราการเข้าใช้ห้องพักเฉลี่ย และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว 65%
ส่วนโรงแรมทริปเปิ้ลทูนั้นมีห้องพัก 75 ห้อง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายกว่า 90% เป็นนักธุรกิจ ปัจจุบันมีอัตราการเข้าใช้ห้องพักในเกณฑ์ดี
สำหรับในส่วนของห้องอาหารนั้น คือ 1.ห้องอาหารระเบียงทอง สัดส่วนรายได้ 50% 2.ห้องอาหารพิซเซอเรีย สัดส่วนรายได้ 15% 3.ห้องอาหารลักษมีสุกี้บุฟเฟท สัดส่วนรายได้ 15% และห้องอาหารทริปเปิ้ลทู สัดส่วนรายได้ 20%
“ห้องอาหารพิซเซอเรียทำกำไรให้กับธุรกิจของเราในอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโต 16% และยอดขายล่าสุดในไตรมาสแรกปีนี้มีประมาณ 9 ล้านกว่าบาท แต่เราพยายามปรับเปลี่ยนใหม่เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยนแต่มีพิซซ่าบริการเช่นเดิม โดยตั้งเป้าหมายรายได้จากห้องอาหารอิตาเลี่ยนเพิ่มขึ้น 20% ในปีนี้ และตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 15%”
ทั้งนี้ รายได้ของโรงแรมจะ มาจากห้องพัก 50% และห้องอาหาร 50% ทั้งนี้ยอดรายได้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีการเติบโต 3% ตามเป้าหมาย และคาดว่าทั้งปีนี้จะมีการเติบโตกว่า 15%
นายพิเชฐกล่าวด้วยว่า บริษัทฯยังมีที่ดินอีกกว่า120 ไร่ที่ ปราณบุรี แต่ยังไม่ได้มีการพัฒนา ซึ่งงจะต้องทำการศึกษาคอีกครั้งถึงความเหมาะสม
นอกจากธุรกิจโรงแรมแล้วบริษัทฯฯยังมีธุรกิจผลิตอาหารแช่แข็งในนาม บริษัท นารายณ์อินเตอร์ฟู้ด จำกัด โดยร่วมลงทุนกับทางกองทุนวรรณอินเวสท์เมนต์ ทำการผลิตอาหารแช่แข็งพร้อมทาน ขายในเซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท และการรับทำรูปแบบโออีเอ็มส่งต่างประเทศด้วย ยอดขายประมาณ 200 กว่าล้านบาท