ทอท.ประเมินกำไรหดเหลือ 3,600 ล้านบาทต่อปี หลังเปิดสุวรรณภูมิ เผยแม้รายได้เพิ่มจากการปรับค่าธรรมเนียมต่างๆ แต่รายจ่ายก็มาก เผยแค่ 3 ปี จากนั้นจะดีขึ้นเหตุศักยภาพสุวรรณภูมิในการรองรับผู้โดยสารและสินค้ามากกว่า ด้าน"โชติศักดิ์"ไอเดียกระฉูด ตั้งบริษัทลูกแตกไลน์ธุรกิจ อุปกรณ์บนเครื่องบินและโรงเรียนการบิน ด้าน"เพ้ง"ควง 2 รมช.ตรวจโรงแรมสุวรรณภูมิพร้อมเร่งงานล่าช้า 23 พ.ค. นี้ คาดเปิดเร็วสุดก.ย.2549
แหล่งข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้เชิงพาณิชย์ในปีงบประมาณ 2550ซึ่งจะทำให้ทอท.มีรายได้เพิ่มจากจำนวนผู้โดยสาร เที่ยวบินและสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (Landing fee) อีก 20% และ ค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร หรือ PSC จาก 500 บาทเป็น 700 บาทต่อคน แต่ในขณะเดียวกันรายจ่ายก็เพิ่มขึ้นเช่นกันซึ่งจะส่งผลต่อกำไรของทอท.ในช่วง 3 ปีแรก (2550-2552) ของการเปิดสุวรรณภูมิ โดยคาดว่า กำไรจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 3,600 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำไรประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 (ต.ค.2548-มี.ค.2549) มีกำไรประมาณ 5,000 ล้านบาท
โดยในปีที่ 4 หรือ 2553 กำไรจะเริ่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสุวรรณภูมิมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารและจำนวนสินค้ามากกว่าดอนเมืองและมีคลังสินค้าปลอดอากรพร้อมศูนย์โลจิสติกส์โดยประมาณการอัตราการเติบโตระดับที่ต่ำสุดของผู้โดยสารที่ 5-7% ต่อปี สินค้าที่ 3 % ต่อปี โดยคลังสินค้าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทอท.มีรายได้เพิ่มจาก ที่ดอนเมืองทอท.ได้รับเพียงค่าเช่าพื้นที่แต่ปรับเป็นค่าสัมปทานที่สุวรรณภูมิ โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบางกอกไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS) ต้องจ่ายขั้นต่ำรายละ 10% ของรายได้ หรือ รายละ 150 ล้านบาทต่อปี ซึ่งอาจทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non Aero) เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%
เอ็มดีทอท.ไอเดียบรรเจิด
นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า มีแนวคิดในการเพิ่มรายได้จาก ธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการบินปกติ ซึ่งเบื้องต้นทอท.ได้หารือกับสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ในการตั้งศูนย์การเรียกการสอนด้านการบินครบวงจรโดยใช้พื้นที่ของสนามบินเชียงราย และช่วยแก้ปัญหาสบพ.ไม่มีสถานที่ โดยสำนักงานของสบพ.จะย้ายจากหมอชิตไปอยู่ที่ดอนเมือง ซึ่งทอท.พร้อมลงทุนให้ก่อนประมาณ 500 ล้านบาทโดยให้สบพ.เช่าต่อ หรือสบพ.จะของบประมาณดำเนินการเอง
นอกจากนี้จะเจรจากับการบินไทยเพื่อร่วมทุนตั้งบริษัทลูกเพื่อผลิตอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้บนเครื่องบิน เช่น รถเข็นอาหาร เป็นต้น โดยใช้สนามบินขอนแก่นเป็นศูนย์ ส่วนด้านการขนส่งสินค้าเบื้องต้นจะพัฒนาสนามบินหาดใหญ่ และพิษณุโลกซึ่งจะขอรับโอนมาจากกรมการขนส่งทาอากาศ (ขอ.)
สุวรรณภูมิเปิดเร็วสุดก.ย. 2549
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิเชิงพาณิชย์เร็วที่สุดคือเดือนก.ย. 2549 เนื่องจาก กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) จะตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับสนามบินทั้งหมดและออกใบอนุญาตในการประกอบกิจการของสนามบินได้ในวันที่ 5 ก.ค. 2549 จากนั้นต้องใช้เวลาอีก 54 วัน จึงจะเปิดสนามบินได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 พ.ค. 2549 นี้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย และพลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคมจะตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบินและโรงแรมสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเป็นการเร่งรัดงานที่ล่าช้า โดยเฉพาะงานว่าจ้างแรงงานภายนอก ( Outsource) อีกกว่า 20 รายการ
แหล่งข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้เชิงพาณิชย์ในปีงบประมาณ 2550ซึ่งจะทำให้ทอท.มีรายได้เพิ่มจากจำนวนผู้โดยสาร เที่ยวบินและสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (Landing fee) อีก 20% และ ค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร หรือ PSC จาก 500 บาทเป็น 700 บาทต่อคน แต่ในขณะเดียวกันรายจ่ายก็เพิ่มขึ้นเช่นกันซึ่งจะส่งผลต่อกำไรของทอท.ในช่วง 3 ปีแรก (2550-2552) ของการเปิดสุวรรณภูมิ โดยคาดว่า กำไรจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 3,600 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำไรประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 (ต.ค.2548-มี.ค.2549) มีกำไรประมาณ 5,000 ล้านบาท
โดยในปีที่ 4 หรือ 2553 กำไรจะเริ่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสุวรรณภูมิมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารและจำนวนสินค้ามากกว่าดอนเมืองและมีคลังสินค้าปลอดอากรพร้อมศูนย์โลจิสติกส์โดยประมาณการอัตราการเติบโตระดับที่ต่ำสุดของผู้โดยสารที่ 5-7% ต่อปี สินค้าที่ 3 % ต่อปี โดยคลังสินค้าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทอท.มีรายได้เพิ่มจาก ที่ดอนเมืองทอท.ได้รับเพียงค่าเช่าพื้นที่แต่ปรับเป็นค่าสัมปทานที่สุวรรณภูมิ โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบางกอกไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS) ต้องจ่ายขั้นต่ำรายละ 10% ของรายได้ หรือ รายละ 150 ล้านบาทต่อปี ซึ่งอาจทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non Aero) เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%
เอ็มดีทอท.ไอเดียบรรเจิด
นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า มีแนวคิดในการเพิ่มรายได้จาก ธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการบินปกติ ซึ่งเบื้องต้นทอท.ได้หารือกับสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ในการตั้งศูนย์การเรียกการสอนด้านการบินครบวงจรโดยใช้พื้นที่ของสนามบินเชียงราย และช่วยแก้ปัญหาสบพ.ไม่มีสถานที่ โดยสำนักงานของสบพ.จะย้ายจากหมอชิตไปอยู่ที่ดอนเมือง ซึ่งทอท.พร้อมลงทุนให้ก่อนประมาณ 500 ล้านบาทโดยให้สบพ.เช่าต่อ หรือสบพ.จะของบประมาณดำเนินการเอง
นอกจากนี้จะเจรจากับการบินไทยเพื่อร่วมทุนตั้งบริษัทลูกเพื่อผลิตอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้บนเครื่องบิน เช่น รถเข็นอาหาร เป็นต้น โดยใช้สนามบินขอนแก่นเป็นศูนย์ ส่วนด้านการขนส่งสินค้าเบื้องต้นจะพัฒนาสนามบินหาดใหญ่ และพิษณุโลกซึ่งจะขอรับโอนมาจากกรมการขนส่งทาอากาศ (ขอ.)
สุวรรณภูมิเปิดเร็วสุดก.ย. 2549
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิเชิงพาณิชย์เร็วที่สุดคือเดือนก.ย. 2549 เนื่องจาก กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) จะตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับสนามบินทั้งหมดและออกใบอนุญาตในการประกอบกิจการของสนามบินได้ในวันที่ 5 ก.ค. 2549 จากนั้นต้องใช้เวลาอีก 54 วัน จึงจะเปิดสนามบินได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 พ.ค. 2549 นี้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย และพลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคมจะตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบินและโรงแรมสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเป็นการเร่งรัดงานที่ล่าช้า โดยเฉพาะงานว่าจ้างแรงงานภายนอก ( Outsource) อีกกว่า 20 รายการ