ททท.รับลูก "สมคิด" ปรับเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก 20% หรือแตะ 14 ล้านคนในสิ้นปี เล็งตลาดตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อุดช่องโหว่ช่วงโลว์ซีซั่น ดันยอดเป็น 1 ล้านคนต่อเดือน ส่วนตลาดระยะใกล้กระทุ้งตลาดศักยภาพดี เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น จีน
นางพรศิริ มโนหาญ รองผู้ว่าการฝ่ายตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหารือกับหน่วยงานที่ทำรายได้เข้าประเทศ ดังนั้นในส่วนของ ททท. จึงมีนโยบายสั่งการให้ไปปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เพิ่มอีก 20% หรือจะต้องได้เป้านักท่องเที่ยวที่ 14 ล้านคน ดังนั้น ททท.จึงได้จัดทำแผนการดำเนินงาน และในสัปดาห์หน้า จะนำเสนอต่อนายประชา มาลีนนท์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ก่อนนำเสนอให้นายสมคิดเป็นลำดับต่อไป เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรี ทั้งนี้ในงบประมาณททท.ที่มีจำกัด เราจะเน้นทำตลาดแบบถึงตรงกับผู้บริโภค และบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ พร้อมจัดแฟมทริปเชิญสื่อและบริษัททัวร์เข้ามาดูสถานที่ท่องเที่ยวจริง ตรงนี้มองว่าได้ผลดีและใช้งบน้อย
ทั้งนี้จากภาพรวมการท่องเที่ยวของตลาดโลกปีนี้จะเติบโต 5% ขณะที่ประเทศไทยต้องการเติบโต 20% จากปีก่อน ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 11.52 ล้านคน ลดลงจากปี 2547 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 11.6 ล้านคนเศษ ดังนั้นแผนการดำเนินงานของททท.เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ตามนโยบายของรัฐบาล เราจะให้ความสำคัญใน 2 ตลาด คือ การรักษาฐานตลาดเก่าและเจาะตลาดใหม่ๆ โดยตลาดเก่าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ที่ ททท.จะผลักดันให้เติบโตขึ้นอีก มี 3 ตลาดหลักได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และ เกาหลี โดย 3 เดือนแรกปีนี้ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย 316,679 คน เติบโตจากปีก่อน 22.96% ,จีน 237,375 คน โต 131.85% และเกาหลี 228,254 คน โต 89-67%
สำหรับในส่วนของตลาดใหม่ที่ ททท.จะให้ความสำคัญเร่งโปรโมตให้มากขึ้น ได้แก่ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยนักท่องเที่ยวในประเทศดังกล่าวจะสามารถเดินทางเข้าไทยในช่วงฤดูโลว์ซีซั่นของประเทศไทย หรือประมาณเดือน เมษายน-กันยายน ซึ่งฤดูโลว์ซีซั่นของไทย ประเทศตะวันออกกลางจะเป็นฤดูร้อน ดังนั้นจะโปรโมตเป็นซัมเมอร์ฮอลิเดย์ ส่วนประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะเป็นช่วงฤดูหนาว ตั้งเป้าโลว์ซี่ซั่นปีนี้จะเพิ่มนักท่องเที่ยวเป็น 1 ล้านคนต่อเดือน จากปกติจะอยู่ที่ 8 แสนคนต่อเดือน
ล่าสุดเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในระหว่างวันที่ 25-30 พ.ค.นี้ โดยมีภาคเอกชนร่วมเดินทางไปด้วยกว่า 49 หน่วยงาน ทั้งโรงแรม บริษัทนำเที่ยวและสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ส่วนบายเออร์ที่จะเข้าร่วมงานจะมีถึง 500 ราย แบ่งเป็นจากออสเตรเลีย 300ราย และนิวซีแลนด์ 200 ราย
"สินค้าที่เรานำเสนอจะเป็นโรงแรมที่พัก ที่ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย เขาหลัก หัวหิน และ ชะอำ นอกจากนั้นเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายเพิ่มการจับจ่ายต่อคนต่อวันของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น เราได้เตรียมนำเสนอสินค้าและบริการในกลุ่ม สปา กอล์ฟ และโปรแกรมตรวจและรักษาสุขภาพ "
อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าถึงสิ้นปีตลาดออสเตรียจะเดินทางเข้าประเทศไทย 492,000 คน เติบโต 18.87% รายได้ 20,140 ล้านบาท เติบโต 39.7% ส่วนตลาดนิวซีแลนด์ตั้งเป้าถึงสิ้นปีมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย 88,000 คน โต 15.64% มีรายได้เข้าประเทศ 3,633.97 ล้านบาท โต32.8% ล่าสุดในเดือนสิงหาคมนี้สายการบินเจทสตาร์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มสายการบินแควนตัส จะบินเข้ามาประเทศไทยในเส้นทางซิดนีย์-ภูเก็ต 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ และ เมลเบิล-กรุงเทพ 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์
นางพรศิริ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้ไปโรดโชว์ ที่งานอารเบียนทราเวลมาร์ทหรืองาน ATM พบว่า เอเยนทัวร์ให้ความสนใจประเทศไทยมาก ภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ได้รับการจองและการตอบรับที่ดี ขณะเดียวกันได้เจรจากับสายการบินจากกลุ่มตะวันออกกลางที่บินเข้าประเทศไทยรวม 9 สาย เพื่อจัดทำโบว์ชัวร์โปรโมตประเทศไทยร่วมกัน อาทิ เอมิเรตน์ กาตาร์ กัลฟ์แอร์
ทั้งนี้ตลาดตะวันออกกลาง มีศักยภาพที่จะเติบโตสูง โดยสินค้าและบริการที่ชาวตะวันออกกลางนิยมเข้ามาใช้บริการ ได้แก่ บริการตรวจเช็คสุขภาพ ชอปปิ้ง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวชอบหาดทราย และทะเล ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมีวันพักนานเฉลี่ย 12 -15 วัน เลือกพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ โดยจะมาเป็นกลุ่มครอบครัว 4-12 คน ต่อทริป
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปถึงสิ้นปี จะเดินสายโรดโชว์ ในต่างประเทสอีกประมาณ 7-8 งาน ได้แก่ งานพาต้าทราเวลมาร์ท-ฮ่องกง , Leisure 2006 -กรุงมอสโก ประเทศรัวเซีย,งานTop Resa เมืองโดวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส,งานJata World Tourism ประเทศญี่ปุ่น,งานเวิด์ล ทราเวลมาร์ท กรุงลอนดอน,งาน ไชน่าอินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวลมาร์ท นครเซี่ยงไฮ้ และงาน อินเตอร์เนชั่นแนล ลักซ์ชัวรี่ ทราเวล มาร์ท ที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส
นางพรศิริ มโนหาญ รองผู้ว่าการฝ่ายตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหารือกับหน่วยงานที่ทำรายได้เข้าประเทศ ดังนั้นในส่วนของ ททท. จึงมีนโยบายสั่งการให้ไปปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เพิ่มอีก 20% หรือจะต้องได้เป้านักท่องเที่ยวที่ 14 ล้านคน ดังนั้น ททท.จึงได้จัดทำแผนการดำเนินงาน และในสัปดาห์หน้า จะนำเสนอต่อนายประชา มาลีนนท์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ก่อนนำเสนอให้นายสมคิดเป็นลำดับต่อไป เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรี ทั้งนี้ในงบประมาณททท.ที่มีจำกัด เราจะเน้นทำตลาดแบบถึงตรงกับผู้บริโภค และบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ พร้อมจัดแฟมทริปเชิญสื่อและบริษัททัวร์เข้ามาดูสถานที่ท่องเที่ยวจริง ตรงนี้มองว่าได้ผลดีและใช้งบน้อย
ทั้งนี้จากภาพรวมการท่องเที่ยวของตลาดโลกปีนี้จะเติบโต 5% ขณะที่ประเทศไทยต้องการเติบโต 20% จากปีก่อน ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 11.52 ล้านคน ลดลงจากปี 2547 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 11.6 ล้านคนเศษ ดังนั้นแผนการดำเนินงานของททท.เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ตามนโยบายของรัฐบาล เราจะให้ความสำคัญใน 2 ตลาด คือ การรักษาฐานตลาดเก่าและเจาะตลาดใหม่ๆ โดยตลาดเก่าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ที่ ททท.จะผลักดันให้เติบโตขึ้นอีก มี 3 ตลาดหลักได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และ เกาหลี โดย 3 เดือนแรกปีนี้ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย 316,679 คน เติบโตจากปีก่อน 22.96% ,จีน 237,375 คน โต 131.85% และเกาหลี 228,254 คน โต 89-67%
สำหรับในส่วนของตลาดใหม่ที่ ททท.จะให้ความสำคัญเร่งโปรโมตให้มากขึ้น ได้แก่ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยนักท่องเที่ยวในประเทศดังกล่าวจะสามารถเดินทางเข้าไทยในช่วงฤดูโลว์ซีซั่นของประเทศไทย หรือประมาณเดือน เมษายน-กันยายน ซึ่งฤดูโลว์ซีซั่นของไทย ประเทศตะวันออกกลางจะเป็นฤดูร้อน ดังนั้นจะโปรโมตเป็นซัมเมอร์ฮอลิเดย์ ส่วนประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะเป็นช่วงฤดูหนาว ตั้งเป้าโลว์ซี่ซั่นปีนี้จะเพิ่มนักท่องเที่ยวเป็น 1 ล้านคนต่อเดือน จากปกติจะอยู่ที่ 8 แสนคนต่อเดือน
ล่าสุดเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในระหว่างวันที่ 25-30 พ.ค.นี้ โดยมีภาคเอกชนร่วมเดินทางไปด้วยกว่า 49 หน่วยงาน ทั้งโรงแรม บริษัทนำเที่ยวและสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ส่วนบายเออร์ที่จะเข้าร่วมงานจะมีถึง 500 ราย แบ่งเป็นจากออสเตรเลีย 300ราย และนิวซีแลนด์ 200 ราย
"สินค้าที่เรานำเสนอจะเป็นโรงแรมที่พัก ที่ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย เขาหลัก หัวหิน และ ชะอำ นอกจากนั้นเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายเพิ่มการจับจ่ายต่อคนต่อวันของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น เราได้เตรียมนำเสนอสินค้าและบริการในกลุ่ม สปา กอล์ฟ และโปรแกรมตรวจและรักษาสุขภาพ "
อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าถึงสิ้นปีตลาดออสเตรียจะเดินทางเข้าประเทศไทย 492,000 คน เติบโต 18.87% รายได้ 20,140 ล้านบาท เติบโต 39.7% ส่วนตลาดนิวซีแลนด์ตั้งเป้าถึงสิ้นปีมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย 88,000 คน โต 15.64% มีรายได้เข้าประเทศ 3,633.97 ล้านบาท โต32.8% ล่าสุดในเดือนสิงหาคมนี้สายการบินเจทสตาร์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มสายการบินแควนตัส จะบินเข้ามาประเทศไทยในเส้นทางซิดนีย์-ภูเก็ต 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ และ เมลเบิล-กรุงเทพ 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์
นางพรศิริ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้ไปโรดโชว์ ที่งานอารเบียนทราเวลมาร์ทหรืองาน ATM พบว่า เอเยนทัวร์ให้ความสนใจประเทศไทยมาก ภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ได้รับการจองและการตอบรับที่ดี ขณะเดียวกันได้เจรจากับสายการบินจากกลุ่มตะวันออกกลางที่บินเข้าประเทศไทยรวม 9 สาย เพื่อจัดทำโบว์ชัวร์โปรโมตประเทศไทยร่วมกัน อาทิ เอมิเรตน์ กาตาร์ กัลฟ์แอร์
ทั้งนี้ตลาดตะวันออกกลาง มีศักยภาพที่จะเติบโตสูง โดยสินค้าและบริการที่ชาวตะวันออกกลางนิยมเข้ามาใช้บริการ ได้แก่ บริการตรวจเช็คสุขภาพ ชอปปิ้ง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวชอบหาดทราย และทะเล ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมีวันพักนานเฉลี่ย 12 -15 วัน เลือกพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ โดยจะมาเป็นกลุ่มครอบครัว 4-12 คน ต่อทริป
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปถึงสิ้นปี จะเดินสายโรดโชว์ ในต่างประเทสอีกประมาณ 7-8 งาน ได้แก่ งานพาต้าทราเวลมาร์ท-ฮ่องกง , Leisure 2006 -กรุงมอสโก ประเทศรัวเซีย,งานTop Resa เมืองโดวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส,งานJata World Tourism ประเทศญี่ปุ่น,งานเวิด์ล ทราเวลมาร์ท กรุงลอนดอน,งาน ไชน่าอินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวลมาร์ท นครเซี่ยงไฮ้ และงาน อินเตอร์เนชั่นแนล ลักซ์ชัวรี่ ทราเวล มาร์ท ที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส