กลุ่มทุน “ธนิยะ” บุกธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทเต็มตัวหว่านเงินเกือบ 1,000 ล้านบาท ผุดโรงแรมภายใต้แบรนด์ “สปริงฟิลด์” หลังประสบความสำเร็จธุรกิจสนามกอล์ฟ สปริงฟิลด์ ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 13 ปี ล่าสุดเล็งแผนสร้างแบรนด์ สปริงฟิลด์ ให้รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในด้านธุรกิจโรงแรม ปีแรกอัดงบการตลาด 8 ล้านบาท เดินสายโรดโชว์ต่างประเทศ พร้อมจัดอีเว้นทุกเดือนตลอดปี
นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมในกลุ่ม สปริงฟิลด์ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทฯได้เตรียมลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรม อีก 1 แห่งริมชายหาดชะอำเช่นกัน โดยจะใช้ชื่อว่า สปริงฟิลด์ แอด ซี (Springfield @ Sea) ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ภายในต้นปี 2551
โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้เปิดบริการ “สปริงฟิวล์ วิลเลจ กอล์ฟ แอนด์ สปา” ซึ่งเป็นรีสอร์ท ที่อยู่บริเวณเดียวกันกับ สนามกอล์ฟ สปริงฟิลด์ หัวหิน-ชะอำ ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ บริษัทฯมีโรงแรม สปริงฟิลด์ บีช อยู่แล้วอีกหนึ่งแห่ง ที่ชายหาดชะอำ
สำหรับแผนงานต่อจากนี้ไป บริษัทฯมีแผนสร้างการรับรู้แบรนด์ “สปริงฟิลด์” ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวในต่างประเทศว่า มีบริการโรงแรมระดับ 5 ดาว ไว้คอยรับรองนักท่องเที่ยว จากเดิมที่ แบรนด์สปริงฟิลด์จะรับรู้กันว่าให้บริการสนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทฯดำเนินงานมากว่า 13 ปี ล่าสุดตั้งงบ 8 ล้านบาท เพื่อทำการตลาด โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ตลาดต่างประเทศ เตรียมเดินสายโรดโชว์ทุกเดือน เพื่อทำไดเร็กเซลกับเอเย่นต์ที่เป็นบริษัทนำเที่ยวในตลาดเป้าหมาย เช่น ฮ่องกง เกาหลี กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และ อังกฤษ เป็นต้น
ส่วนตลาดในประเทศจะมีการจัดอีเว้นท์ทุกเดือน เพื่อสร้างแบรนด์ให้ติดเร็ว โดยหวังให้เป็นWord of mouth ล่าสุดในเดือนพฤษภาคมตลอดทั้งเดือนจัดเป็นเทศกาล ฟังเพลงแจ๊ส พร้อมจัดมินิคอนเสิร์ต ศิลปินดังทุกสัปดาห์ ล่าสุด ในวันที่ 20 และ 27 พ.ค.นี้ จะมีคอนเสิร์ตของ วิยะดา โกมาลากุล ณ นคร และ ปนัดดา เรืองวุฒิ กับ มิสเตอร์ แซกแมน ตามลำดับ นอกจากนั้น ยังสนับสนุน ESPM ซึ่งเป็นช่องกีฬาใน UBC ที่ออกอากาศโดยมีผู้ชมจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาถ่ายทำ กอล์ฟ และโรงแรม แล้วนำไปออกอากาศตลอดเดือนกรกฎาคมศกนี้
“ในส่วนของ สปริงฟิลด์ วิลเลจ ตั้งเป้าปีแรกนี้มีรายได้ราว 80 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีอัตราการเข้าพักประมาณ 45% คาดว่า ช่วงสิ้นปีจะมีอัตราเข้าพักถึง 70-80% โดยปีแรกลูกค้า 60% เป็นคนไทย แต่ในอนาคตจะพยายามให้สัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50% เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ “
อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสปริงฟิลด์ทั้งหมดจะเฉลี่ยอยู่ในทุกประเทศ เช่น ฮ่องกง เกาหลี สแกนดิเนเวีย ยุโรป เยอรมัน ญี่ปุ่น โดยเป็นกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจ ฮันนีมูน เป็นหลัก นอกจากนั้น ยังได้เซ็นสัญญากับ บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ (TLM) เพื่อรับนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักยาว จาก ญี่ปุ่น และ สแกนดิเนเวีย
นายสรเทพ กล่าวว่า สปริงฟิลด์เป็นโรงแรมโลคัลเชนของคนไทย 100% โดยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของกลุ่มธนิยะ ซึ่งเป็นเจ้าของออฟฟิศบิลดิ้ง ย่านสีลม นอกจากนั้นยังทำธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ย่านใจกลางธุรกิจและในอนาคตเตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติอีก 1 แห่ง โดยใช้ที่ดินในโครงการสปริงฟิลด์ วิลเลจ กอล์ฟ แอนด์ สปา ที่ชะอำ และยังได้กันพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อจัดสรรที่ดินขายให้กับผู้สนใจ โดยตั้งใจสร้างแบรนด์ สปริงฟิลด์ ให้ติดตลาดภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
“แนวทางดำเนินธุรกิจของเรา ทุกธุรกิจจะแยกออกจากกัน คือ กอล์ฟ โรงแรม สปา แต่สามารถนำเสนอแก่ลูกค้าแบบรวมได้ว่าเรามีสินค้ารองรับทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันจะเกิดความคล่องตัวและขายง่าย โดยนโยบายเราชัดเจน คือจะไม่เข้าไปแบ่งแชร์ที่มีอยู่แล้วในตลาดแต่จะสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาเป็นของตัวเอง”
สำหรับแผนลงทุนในทำเลอื่นนอกเหนือจากชะอำ ยังไม่ได้คิดไว้ แต่ยอมรับว่ากลุ่มธนิยะ ยังมีที่ดินอีกหลายแห่งในหลายจังหวัด ที่เราเลือกชะอำในการลงทุนเพิ่ม เพราะเห็นศักยภาพของพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันโลเกชั่น หัวหินและชะอำ สามารถขายได้ด้วยตัวเอง อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นเดสติเนชั่นที่มีความคลาสสิก จึงเป็นการเติบโตแบบมีคุณภาพ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเหมาะกับกลุ่มครอบครัว ฮันนีมูน และนักธุรกิจ
นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมในกลุ่ม สปริงฟิลด์ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทฯได้เตรียมลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรม อีก 1 แห่งริมชายหาดชะอำเช่นกัน โดยจะใช้ชื่อว่า สปริงฟิลด์ แอด ซี (Springfield @ Sea) ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ภายในต้นปี 2551
โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้เปิดบริการ “สปริงฟิวล์ วิลเลจ กอล์ฟ แอนด์ สปา” ซึ่งเป็นรีสอร์ท ที่อยู่บริเวณเดียวกันกับ สนามกอล์ฟ สปริงฟิลด์ หัวหิน-ชะอำ ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ บริษัทฯมีโรงแรม สปริงฟิลด์ บีช อยู่แล้วอีกหนึ่งแห่ง ที่ชายหาดชะอำ
สำหรับแผนงานต่อจากนี้ไป บริษัทฯมีแผนสร้างการรับรู้แบรนด์ “สปริงฟิลด์” ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวในต่างประเทศว่า มีบริการโรงแรมระดับ 5 ดาว ไว้คอยรับรองนักท่องเที่ยว จากเดิมที่ แบรนด์สปริงฟิลด์จะรับรู้กันว่าให้บริการสนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทฯดำเนินงานมากว่า 13 ปี ล่าสุดตั้งงบ 8 ล้านบาท เพื่อทำการตลาด โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ตลาดต่างประเทศ เตรียมเดินสายโรดโชว์ทุกเดือน เพื่อทำไดเร็กเซลกับเอเย่นต์ที่เป็นบริษัทนำเที่ยวในตลาดเป้าหมาย เช่น ฮ่องกง เกาหลี กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และ อังกฤษ เป็นต้น
ส่วนตลาดในประเทศจะมีการจัดอีเว้นท์ทุกเดือน เพื่อสร้างแบรนด์ให้ติดเร็ว โดยหวังให้เป็นWord of mouth ล่าสุดในเดือนพฤษภาคมตลอดทั้งเดือนจัดเป็นเทศกาล ฟังเพลงแจ๊ส พร้อมจัดมินิคอนเสิร์ต ศิลปินดังทุกสัปดาห์ ล่าสุด ในวันที่ 20 และ 27 พ.ค.นี้ จะมีคอนเสิร์ตของ วิยะดา โกมาลากุล ณ นคร และ ปนัดดา เรืองวุฒิ กับ มิสเตอร์ แซกแมน ตามลำดับ นอกจากนั้น ยังสนับสนุน ESPM ซึ่งเป็นช่องกีฬาใน UBC ที่ออกอากาศโดยมีผู้ชมจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาถ่ายทำ กอล์ฟ และโรงแรม แล้วนำไปออกอากาศตลอดเดือนกรกฎาคมศกนี้
“ในส่วนของ สปริงฟิลด์ วิลเลจ ตั้งเป้าปีแรกนี้มีรายได้ราว 80 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีอัตราการเข้าพักประมาณ 45% คาดว่า ช่วงสิ้นปีจะมีอัตราเข้าพักถึง 70-80% โดยปีแรกลูกค้า 60% เป็นคนไทย แต่ในอนาคตจะพยายามให้สัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50% เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ “
อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสปริงฟิลด์ทั้งหมดจะเฉลี่ยอยู่ในทุกประเทศ เช่น ฮ่องกง เกาหลี สแกนดิเนเวีย ยุโรป เยอรมัน ญี่ปุ่น โดยเป็นกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจ ฮันนีมูน เป็นหลัก นอกจากนั้น ยังได้เซ็นสัญญากับ บริษัทไทยจัดการลองสเตย์ (TLM) เพื่อรับนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักยาว จาก ญี่ปุ่น และ สแกนดิเนเวีย
นายสรเทพ กล่าวว่า สปริงฟิลด์เป็นโรงแรมโลคัลเชนของคนไทย 100% โดยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของกลุ่มธนิยะ ซึ่งเป็นเจ้าของออฟฟิศบิลดิ้ง ย่านสีลม นอกจากนั้นยังทำธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ย่านใจกลางธุรกิจและในอนาคตเตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติอีก 1 แห่ง โดยใช้ที่ดินในโครงการสปริงฟิลด์ วิลเลจ กอล์ฟ แอนด์ สปา ที่ชะอำ และยังได้กันพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อจัดสรรที่ดินขายให้กับผู้สนใจ โดยตั้งใจสร้างแบรนด์ สปริงฟิลด์ ให้ติดตลาดภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
“แนวทางดำเนินธุรกิจของเรา ทุกธุรกิจจะแยกออกจากกัน คือ กอล์ฟ โรงแรม สปา แต่สามารถนำเสนอแก่ลูกค้าแบบรวมได้ว่าเรามีสินค้ารองรับทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันจะเกิดความคล่องตัวและขายง่าย โดยนโยบายเราชัดเจน คือจะไม่เข้าไปแบ่งแชร์ที่มีอยู่แล้วในตลาดแต่จะสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาเป็นของตัวเอง”
สำหรับแผนลงทุนในทำเลอื่นนอกเหนือจากชะอำ ยังไม่ได้คิดไว้ แต่ยอมรับว่ากลุ่มธนิยะ ยังมีที่ดินอีกหลายแห่งในหลายจังหวัด ที่เราเลือกชะอำในการลงทุนเพิ่ม เพราะเห็นศักยภาพของพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันโลเกชั่น หัวหินและชะอำ สามารถขายได้ด้วยตัวเอง อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นเดสติเนชั่นที่มีความคลาสสิก จึงเป็นการเติบโตแบบมีคุณภาพ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเหมาะกับกลุ่มครอบครัว ฮันนีมูน และนักธุรกิจ