เจ้าของมีด “คมคม” และ “กีวี” เร่งสร้างแบรนด์หลังทำตลาดมานาน 30 ปี พร้อมรุกขยายตลาดต่างประเทศสู่ยุโรป จากเดิมทำแค่ประเทศใกล้เคียง
นางสาวดรุณรัตน์ กวินอนันต์ ผู้จัดการฝ่ายส่งออก บริษัท กีวีและคมคมโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายมีดที่ใช้ในครัวเรือน “คมคม” และ “กีวี” กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่มีตลาดหลักอยู่ที่อินโดจีนและประเทศใกล้เคียงเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มขยายไปที่ตะวันออกลางและยุโรปมากขึ้น ซึ่งเดิมก็มีส่งไปบ้างแต่ยังน้อย โดยการรุกตลาดต่างประเทศจะใช้ทั้งวิธีการแต่งตั้งเอเย่นต์ทั้งในประเทศไทยเองและในต่างประเทศรับผิดชอบ
นอกจากนั้นยังจัดแคมเปญพิเศษเพื่อเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะร้านอาหารไทยในต่างประเทศโดยมีราคาพิเศษที่ต่างจากเอเย่นต์เข้ามาซื้อและไม่บังคับยอดซื้อขั้นต่ำด้วย
ส่วนตลาดในประเทศนั้นก็จะรุกอย่างต่อเนื่องทั้งผ่านเอเย่นต์และผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างแบรนด์ที่จะเริ่มมากขึ้นจากเดิมที่ทำธุรกิจมานานกว่า 30 ปี ไม่ได้มองในเรื่องนี้มากเท่าที่ควร เนื่องจากว่าขณะนี้การแข่งขันมีความรุนแรง มีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย ขณะเดียวกันที่ผ่านมาแม้ว่ายอดขายของบริษัทฯจะมีมากขึ้น แต่บางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าไปใช้อาจจะไม่รู้ว่าเป็นแบรนด์ คมคม และ กีวี ล่าสุดจัดงานมหกรรมแกะสลักนานาชาติครั้งที่ 2 เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้แบรรนด์มากขึ้น
โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯจะมาจากทั้งสองตลาดคือ ในประเทศและต่างประเทศในอัตราเท่ากัน
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของทั้ง 2 แบรนด์จะแตกต่างกันคือ กีวี จะเน้นตลาดแมส ส่วนคมคม จะเป็นแบรนด์ที่มีราคาสูงกว่าและมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งระดับราคาของทั้งสองแบรนด์มีตั้งแต่ 20 บาท – 400 กว่าบาท ส่วนถ้าขายเป็นชุดก็มีตั้งแต่ชุดละ 300 กว่าบาท ขึ้นไป
นางสาวดรุณรัตน์ กวินอนันต์ ผู้จัดการฝ่ายส่งออก บริษัท กีวีและคมคมโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายมีดที่ใช้ในครัวเรือน “คมคม” และ “กีวี” กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่มีตลาดหลักอยู่ที่อินโดจีนและประเทศใกล้เคียงเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มขยายไปที่ตะวันออกลางและยุโรปมากขึ้น ซึ่งเดิมก็มีส่งไปบ้างแต่ยังน้อย โดยการรุกตลาดต่างประเทศจะใช้ทั้งวิธีการแต่งตั้งเอเย่นต์ทั้งในประเทศไทยเองและในต่างประเทศรับผิดชอบ
นอกจากนั้นยังจัดแคมเปญพิเศษเพื่อเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะร้านอาหารไทยในต่างประเทศโดยมีราคาพิเศษที่ต่างจากเอเย่นต์เข้ามาซื้อและไม่บังคับยอดซื้อขั้นต่ำด้วย
ส่วนตลาดในประเทศนั้นก็จะรุกอย่างต่อเนื่องทั้งผ่านเอเย่นต์และผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างแบรนด์ที่จะเริ่มมากขึ้นจากเดิมที่ทำธุรกิจมานานกว่า 30 ปี ไม่ได้มองในเรื่องนี้มากเท่าที่ควร เนื่องจากว่าขณะนี้การแข่งขันมีความรุนแรง มีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย ขณะเดียวกันที่ผ่านมาแม้ว่ายอดขายของบริษัทฯจะมีมากขึ้น แต่บางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าไปใช้อาจจะไม่รู้ว่าเป็นแบรนด์ คมคม และ กีวี ล่าสุดจัดงานมหกรรมแกะสลักนานาชาติครั้งที่ 2 เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้แบรรนด์มากขึ้น
โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯจะมาจากทั้งสองตลาดคือ ในประเทศและต่างประเทศในอัตราเท่ากัน
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของทั้ง 2 แบรนด์จะแตกต่างกันคือ กีวี จะเน้นตลาดแมส ส่วนคมคม จะเป็นแบรนด์ที่มีราคาสูงกว่าและมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งระดับราคาของทั้งสองแบรนด์มีตั้งแต่ 20 บาท – 400 กว่าบาท ส่วนถ้าขายเป็นชุดก็มีตั้งแต่ชุดละ 300 กว่าบาท ขึ้นไป