xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ประกอบธุรกิจสปาหวังรัฐไม่ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเป็นร้อยละ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมธุรกิจสปาเชื่อรัฐบาลไม่เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 20 เพราะจะทำให้รายได้ของรัฐเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่จะเป็นการสร้างความสับสนให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการ เนื่องจากไม่ได้เรียกเก็บจากบริการสปาทุกรายการ

นายอภิชัย เจียรอดิศักดิ์
ประธานสมาคมสปาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจสปาเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผลพวงจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ประชาชนไตร่ตรองก่อนการใช้เงินมากขึ้น ตลอดจนยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยที่จะต่ำกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดไว้ที่ 12.5 - 12.7 ล้านคน ก็จะส่งผลกระทบทำให้ธุรกิจสปาที่มีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี จะเติบโตลดลงไปบ้าง โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตในระดับร้อยละ 10-15 โดยลูกค้าร้อยละ 70 เป็นชาวต่างชาติ

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่า กระทรวงการคลังมีนโยบายให้กรมสรรพสามิตเพิ่มอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากธุรกิจบริการมากขึ้น ซึ่งมีธุรกิจสปารวมอยู่ด้วยนั้น นายอภิชัย กล่าวว่า ปัจจุบันกรมสรรพสามิตเรียกเก็บจากธุรกิจสปาในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งหากพิจารณาจากมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจสปาที่คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท ก็จะได้ภาษีจากตัวเลขเต็มเพียง 700 ล้านบาท แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ภาษีสรรพสามิตไม่ใช่เต็มจำนวนนี้ เพราะหากไม่เกี่ยวกับการใช้น้ำก็ไม่มีการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิต ดังนั้น เชื่อว่าทางการจะไม่ปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากธุรกิจสปาเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 20 แน่ แต่ถ้าหากเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจะเป็นการสร้างความสับสนให้กับผู้มาใช้บริการธุรกิจสปา เพราะไม่ได้เรียกเก็บจากบริการสปาทุกรายการ

นายอภิชัย กล่าวว่า นับตั้งแต่ธุรกิจสปาเริ่มต้นมา 3-4 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้เข้าพบและหารือกับกรมสรรพสามิตเพื่อเจรจาขอยกเว้นภาษี หรือเก็บภาษีในอัตราผ่อนปรน จากที่เรียกเก็บในอัตราร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 ที่เรียกเก็บอยู่ในปัจจุบัน โดยธุรกิจสปาที่จะเสียภาษีร้อยละ 10 ได้จะต้องเลือกเข้ามาอยู่ในการกำกับดูแลมาตรฐานของธุรกิจสปาตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งควบคุมทั้งมาตรฐานสถานที่ใช้ประกอบการและบุคลากร แต่ถ้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะอยู่ภายใต้กฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คือสถานบริการต่าง ๆ จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 อย่างไรก็ตาม ไม่มีการบังคับว่าจะต้องเลือกเข้าอยู่ภายใต้กฎหมายใด

นายอภิชัย กล่าวว่า จากการสำรวจธุรกิจด้านสปาที่มีการจัดรายงานและมีการนำเสนอต่อ ททท.พบว่ามีธุรกิจที่เข้าข่ายสปามากถึง 970 แห่ง กว่าร้อยละ 50 อยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เหลือกระจัดกระจายอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ เช่น ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ ชายฝั่งทะเลอันดามั่น และเกาะช้าง เป็นต้น แต่มีธรุกิจสปาที่ได้มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขเพียง 319 ราย จำนวนบุคลากรผ่านการอบรมได้มาตรฐานในภาพรวมกว่า 3,000 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่า โดยข้อเท็จจริงแล้ว มีจำนวนเพียง 1 ใน 3 ของยอดที่สำรวจทั้งหมดเท่านั้น ที่เหลือยังไม่มีความชัดเจนว่า จะเข้าตามมาตรฐานของกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องรอความชัดเจนในการดูแลของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่อไป

สำหรับการบุกตลาดในประเทศและตลาดสปาในต่างประเทศได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่น ททท.ช่วยเหลือ เช่น ตลาดธุรกิจสปาในประเทศได้รับงบประมาณจาก ททท.จำนวนหนึ่งเพื่อจัดงานไทยแลนด์ แกรนด์ สปา เยียร์ 2006 ซึ่งจะได้มีการร่วมมือกับทางจังหวัดต่าง ๆ จัดรายการส่งเสริมธุรกิจสปาในหัวเมืองหลักต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนตลาดต่างประเทศ ส่วนราชการไทย เช่น ททท.มีการจัดให้ธุรกิจสปาไทยมีโอกาสไปร่วมงาน ITB ที่กรุงเบอร์ลิน และกรมส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนพื้นที่ในงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ให้ธุรกิจสปาไปร่วมงานอยู่เสมอ ล่าสุดที่ประเทศอิตาลี ส่วนการบุกตลาดในต่างประเทศในทุกประเทศยังไม่เป็นไปอย่างเสรีจะเข้าไปลงทุนได้จะต้องร่วมทุนหรือนำความรู้ในธุรกิจเข้าไปเผยแพร่และยังมีข้อจำกัดเรื่องใบอนุญาตทำงานไม่ค่อยจะออกให้กับหมอนวดสปาคนไทยจะต้องแอบเข้าไปในลักษณะอื่นแทน ล่าสุดธุรกิจสปาสนใจจะไปร่วมออกบูธในงาน เมดดิคอล แอนด์ เฮล แคร์ ฮ่องกง แฟร์ 2006 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-21 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างโอกาสให้กับธุรกิจสปาไทยได้พอสมควร

นายเบ็นจามิน เชา รองผู้อำนวยการอาวุโส ประจำคณะกรรมการส่งเสริมการค้าฮ่องกง ระบุ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในธุรกิจสปาและคุณภาพทางการแพทย์และได้รับความนิยมจากคนฮ่องกง และจีนตอนใต้ที่มีแนวโน้มจะสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น