"ทนง"ยอมรับเศรษฐกิจปี 49 โดยเฉพาะในไตรมาส 2 และ 3 อยู่ในภาวะถดถอย ทำให้ต้องปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ โดยจะใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของ ธปท. ที่ร้อยละ 4.25-5.25 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4.5-5.5
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนา ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการสาธารณูปโภคและการจัดหาเงินทุน ซึ่งจัดโดยกระทรวงการคลังและสถานทูตอังกฤษ โดยย้ำว่า จากการหารือตัวเลขเศรษฐกิจกับผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในไตรมาส 1 นับว่ายังขยายตัวได้ดี แต่ยังเป็นห่วงในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะอาจจะกระทบต่อการจ้างงาน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงในปีนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการยังไม่มีโครงการลงทุนใหม่ ๆ เพิ่มเติม เนื่องจากยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ ซึ่งกระทรวงการคลังจะพยายามดูแลเรื่องการลงทุนภาครัฐ เพื่อดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน โดยเฉพาะการก่อสร้างบ้านมั่นคงและบ้านเอื้ออาทร เพื่อให้เกิดการจ้างงาน
ทั้งนี้ยอมรับภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันคงต้องพึ่งพาการลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องศึกษาความผิดพลาดจากการแปรรูป กฟผ. เพื่อเดินหน้าการแปรรูปในส่วนของรัฐวิสาหกิจอื่น และแม้ว่ารัฐบาลชุดใดจะเข้ามาบริหารประเทศ ก็คงต้องใช้แนวทางการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศ โดยยอมรับว่าโครงการเมกะโปรเจกต์อาจจะล่าช้าออกไป 1 ปี เพราะอยู่ในช่วงของรัฐบาลรักษาการ
นายทนง กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 และ 3 มองว่าอาจจะอยู่ในภาวะที่ถดถอย แต่บอกไม่ได้ว่าจะถดถอยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกระทรวงการคลังยังเป็นห่วงเรื่องอัตราการขยายตัวของการบริโภคว่าจะลดลงหรือไม่ เพราะในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ดี แต่ปัญหาการเมืองก็จะต้องเร่งแก้ไขเพื่อหาข้อยุติ เพราะจะเป็นแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ส่วนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2550 จะสมดุล รัฐบาลยังยืนยันตามกรอบเดิม แต่ต้องพิจารณาแรงกดดันต่าง ๆ ว่าส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนนี้ก็ต้องมีรัฐบาลใหม่ ก็ต้องดูว่ามีผลต่อการจัดทำงบประมาณมากน้อยเพียงใด
สำหรับปัญหาราคาน้ำมัน ก็ต้องดูแลอยู่ และยังเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หากทบทวนการขยายตัวใหม่ก็อาจจะใกล้เคียง ธปท. ที่อยู่ประมาณร้อยละ 4.25-5.25 แต่ขอดูตัวเลขไตรมาสที่ 2 และ 3 อีกครั้ง
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนา ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการสาธารณูปโภคและการจัดหาเงินทุน ซึ่งจัดโดยกระทรวงการคลังและสถานทูตอังกฤษ โดยย้ำว่า จากการหารือตัวเลขเศรษฐกิจกับผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในไตรมาส 1 นับว่ายังขยายตัวได้ดี แต่ยังเป็นห่วงในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะอาจจะกระทบต่อการจ้างงาน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงในปีนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการยังไม่มีโครงการลงทุนใหม่ ๆ เพิ่มเติม เนื่องจากยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ ซึ่งกระทรวงการคลังจะพยายามดูแลเรื่องการลงทุนภาครัฐ เพื่อดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน โดยเฉพาะการก่อสร้างบ้านมั่นคงและบ้านเอื้ออาทร เพื่อให้เกิดการจ้างงาน
ทั้งนี้ยอมรับภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันคงต้องพึ่งพาการลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องศึกษาความผิดพลาดจากการแปรรูป กฟผ. เพื่อเดินหน้าการแปรรูปในส่วนของรัฐวิสาหกิจอื่น และแม้ว่ารัฐบาลชุดใดจะเข้ามาบริหารประเทศ ก็คงต้องใช้แนวทางการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศ โดยยอมรับว่าโครงการเมกะโปรเจกต์อาจจะล่าช้าออกไป 1 ปี เพราะอยู่ในช่วงของรัฐบาลรักษาการ
นายทนง กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 และ 3 มองว่าอาจจะอยู่ในภาวะที่ถดถอย แต่บอกไม่ได้ว่าจะถดถอยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกระทรวงการคลังยังเป็นห่วงเรื่องอัตราการขยายตัวของการบริโภคว่าจะลดลงหรือไม่ เพราะในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ดี แต่ปัญหาการเมืองก็จะต้องเร่งแก้ไขเพื่อหาข้อยุติ เพราะจะเป็นแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ส่วนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2550 จะสมดุล รัฐบาลยังยืนยันตามกรอบเดิม แต่ต้องพิจารณาแรงกดดันต่าง ๆ ว่าส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนนี้ก็ต้องมีรัฐบาลใหม่ ก็ต้องดูว่ามีผลต่อการจัดทำงบประมาณมากน้อยเพียงใด
สำหรับปัญหาราคาน้ำมัน ก็ต้องดูแลอยู่ และยังเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หากทบทวนการขยายตัวใหม่ก็อาจจะใกล้เคียง ธปท. ที่อยู่ประมาณร้อยละ 4.25-5.25 แต่ขอดูตัวเลขไตรมาสที่ 2 และ 3 อีกครั้ง