ท่ามกลางการแข่งขันในระดับโลกาภิวัตน์ การดำเนินธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องการปัจจัยหลายอย่าง
* ปัจจัยแรกก็คือความมั่นคงทางการเมืองที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้บริโภคที่ยินดีจับจ่ายใช้สอย ในสภาวะที่การเมืองไม่มั่นคง ย่อมทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน ผู้บริโภคก็ไม่มีความมั่นใจรายได้ในอนาคต ในที่สุดก็ไม่กล้าที่จะใช้เงิน ไม่กล้าที่จะกู้เงินซื้อสินค้า อุปสงค์ก็หดตัว ธุรกิจต่างๆก็ไม่เติบโต การเมืองจะมั่นคงได้ เราจะต้องมีผู้นำที่ดี มีคุณธรรม มีวิสัยทัศน์ วางระบบการทำงานของภาครัฐให้มีส่วนในการสนับสนุนการลงทุน และเอื้ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เพื่อให้เอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้ราบรื่นและคล่องตัว ในขณะเดียวกันระบบค่านิยมของประชาชนภายในประเทศจะต้องเป็นค่านิยมที่ดีงาม ทำให้พวกเขาเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศ ช่วยกันทำหน้าที่ของตนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยความเข้มแข็งของความเป็นชาตินิยมที่ไม่เปิดโอกาสให้สินค้าต่างประเทศมาเอาชนะสินค้าภายในประเทศ
* ผู้ประกอบการทั้งหลายมุ่งมั่นทุมเทที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป นักธุรกิจจะต้องไม่ย่ำอยู่กับที่ จะต้องเปิดรับการเปลี่ยนแปลง จะต้องแสวงหาข้อมูลใหม่ๆ ทั้งจากในประเทศและนอกประเทศ เพื่อให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี และกระบวนการทำงานใหม่ๆที่จะทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมขึ้นมารองรับการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคให้ดีกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะคู่แข่งที่มาจากต่างแดนในยุคของการค้าที่ไร้พรมแดน
* เมื่อมีโอกาสเป็นผู้นำในตลาดแล้ว จะต้องพยายามรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเอาไว้ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดให้มากพอและดีพอที่จะรักษาส่วนครองตลาดเอาไว้ให้มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่มีส่วนครองตลาดมากเพียงใดก็ตาม นักการตลาดจะต้องไม่ประมาทและหยุดทำการตลาดหรือทำการตลาดที่ไม่เข้มข้น เพราะว่ามีคู่แข่งที่ต้องการแย่งส่วนครองตลาดและมุ่งหวังที่จะชิงตำแหน่งผู้นำตลาดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องจัดให้มีกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกสินค้าใหม่ การให้บริการแบบใหม่ การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ การสื่อสารกับผู้บริโภคตลอดเวลา การประชาสัมพันธ์ที่จะธำรงภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำในตลาด การจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อคืนกำไรให้สังคม
* ต้องพยายามมองหาโอกาสใหม่ๆที่เกิดขึ้น แล้วใช้ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในการไขว่คว้าโอกาสดังกล่าวให้ได้ก่อนคู่แข่ง เพื่อแสดงความเป็นผู้นำที่แท้จริงด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ก่อนใคร การเป็นนักสังคมศาสตร์ นักพฤติกรรมศาสตร์ นักมนุษยศาสตร์ และการเป็นคนมีข้อมูลมากจะทำให้นักการตลาดมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค มองเห็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค มองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างในการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค เข้าใจค่านิยมใหม่ๆที่มีผลกระทบความต้องการ ความทะเยอทะยานของผู้บริโภค การมองเห็นเหล่านี้จะทำให้นักการตลาดมองเห็นโอกาสใหม่ๆทางการตลาดได้ก่อนคนอื่น และสามารถใช้ความแข็งแกร่ง และความสามารถขององค์กรสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจด้วยการฉกคว้าโอกาสทางการตลาดที่มองเห็นได้ก่อนคนอื่น
* เพื่อที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง จะต้องมีความคิดที่จะออกไปสร้างโอกาสทางธุรกิจในเวทีโลกไร้พรมแดนตามแนวทางของโลกาภิวัตน์ การคิดที่จะขีดวงจำกัดของธุรกิจไว้แต่เพียงภายในประเทศ ไม่มีทางที่จะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งได้ บางคนอาจจะคิดว่าขายอยู่ในประเทศก็มีรายได้มากพอแล้ว จึงไม่คิดที่จะไปแข่งกับใครในต่างประเทศ แต่ลืมคิดไปว่าแม้นว่าเราไม่ออกไปแข่งกับใครในต่างแดน แต่นักธุรกิจต่างแดนอาจจะเข้ามาแข่งกับเราถึงที่ภายในประเทศ ถึงเวลานั้นเราอาจจะสูญเสียส่วนครองตลาดให้กับธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาแข่งขัน เราต้องตระหนักว่าในยุคโลกาภิวัตน์นี้ผู้บริโภคในประเทศที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่มักจะสนใจตราสินค้าระดับโลก (Global Brand) มากกว่าตราสินค้าภายในประเทศ (Local Brand) สิ่งที่ประจักษ์อยู่ในปัจจุบันคือสินค้าที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขายในต่างแดนได้ มักจะมีคุณค่าเพิ่มขึ้นในสายตาของคนในประเทศ ดังนั้นเราจะต้องพยายามทำให้สินค้าของเรากลายเป็น Global Brand ด้วยการขยายตลาดไปต่างประเทศให้จงได้
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความพยายามที่จะต้องมุ่งมั่นเอาจริง และใช้องค์ประกอบหลายอย่างเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าการสร้าง Brand ทีมงานที่มีหัวใจเป็นนักการตลาด CEO ที่ให้ความสำคัญกับการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดที่เน้นความสำคัญของการสร้าง Brand ที่จะต้องมีการลงทุนด้านการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ
อยากมีธุรกิจที่แข็งแกร่ง ต้องมองไปให้ไกลในตลาดโลกที่ไร้พรมแดน ด้วยการสร้าง Brand ให้เป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจของลูกค้าที่มีความภักดีนิรันดร
* ปัจจัยแรกก็คือความมั่นคงทางการเมืองที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้บริโภคที่ยินดีจับจ่ายใช้สอย ในสภาวะที่การเมืองไม่มั่นคง ย่อมทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน ผู้บริโภคก็ไม่มีความมั่นใจรายได้ในอนาคต ในที่สุดก็ไม่กล้าที่จะใช้เงิน ไม่กล้าที่จะกู้เงินซื้อสินค้า อุปสงค์ก็หดตัว ธุรกิจต่างๆก็ไม่เติบโต การเมืองจะมั่นคงได้ เราจะต้องมีผู้นำที่ดี มีคุณธรรม มีวิสัยทัศน์ วางระบบการทำงานของภาครัฐให้มีส่วนในการสนับสนุนการลงทุน และเอื้ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เพื่อให้เอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้ราบรื่นและคล่องตัว ในขณะเดียวกันระบบค่านิยมของประชาชนภายในประเทศจะต้องเป็นค่านิยมที่ดีงาม ทำให้พวกเขาเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศ ช่วยกันทำหน้าที่ของตนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยความเข้มแข็งของความเป็นชาตินิยมที่ไม่เปิดโอกาสให้สินค้าต่างประเทศมาเอาชนะสินค้าภายในประเทศ
* ผู้ประกอบการทั้งหลายมุ่งมั่นทุมเทที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป นักธุรกิจจะต้องไม่ย่ำอยู่กับที่ จะต้องเปิดรับการเปลี่ยนแปลง จะต้องแสวงหาข้อมูลใหม่ๆ ทั้งจากในประเทศและนอกประเทศ เพื่อให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี และกระบวนการทำงานใหม่ๆที่จะทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมขึ้นมารองรับการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคให้ดีกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะคู่แข่งที่มาจากต่างแดนในยุคของการค้าที่ไร้พรมแดน
* เมื่อมีโอกาสเป็นผู้นำในตลาดแล้ว จะต้องพยายามรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเอาไว้ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดให้มากพอและดีพอที่จะรักษาส่วนครองตลาดเอาไว้ให้มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่มีส่วนครองตลาดมากเพียงใดก็ตาม นักการตลาดจะต้องไม่ประมาทและหยุดทำการตลาดหรือทำการตลาดที่ไม่เข้มข้น เพราะว่ามีคู่แข่งที่ต้องการแย่งส่วนครองตลาดและมุ่งหวังที่จะชิงตำแหน่งผู้นำตลาดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องจัดให้มีกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกสินค้าใหม่ การให้บริการแบบใหม่ การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ การสื่อสารกับผู้บริโภคตลอดเวลา การประชาสัมพันธ์ที่จะธำรงภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำในตลาด การจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อคืนกำไรให้สังคม
* ต้องพยายามมองหาโอกาสใหม่ๆที่เกิดขึ้น แล้วใช้ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในการไขว่คว้าโอกาสดังกล่าวให้ได้ก่อนคู่แข่ง เพื่อแสดงความเป็นผู้นำที่แท้จริงด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ก่อนใคร การเป็นนักสังคมศาสตร์ นักพฤติกรรมศาสตร์ นักมนุษยศาสตร์ และการเป็นคนมีข้อมูลมากจะทำให้นักการตลาดมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค มองเห็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค มองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างในการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค เข้าใจค่านิยมใหม่ๆที่มีผลกระทบความต้องการ ความทะเยอทะยานของผู้บริโภค การมองเห็นเหล่านี้จะทำให้นักการตลาดมองเห็นโอกาสใหม่ๆทางการตลาดได้ก่อนคนอื่น และสามารถใช้ความแข็งแกร่ง และความสามารถขององค์กรสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจด้วยการฉกคว้าโอกาสทางการตลาดที่มองเห็นได้ก่อนคนอื่น
* เพื่อที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง จะต้องมีความคิดที่จะออกไปสร้างโอกาสทางธุรกิจในเวทีโลกไร้พรมแดนตามแนวทางของโลกาภิวัตน์ การคิดที่จะขีดวงจำกัดของธุรกิจไว้แต่เพียงภายในประเทศ ไม่มีทางที่จะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งได้ บางคนอาจจะคิดว่าขายอยู่ในประเทศก็มีรายได้มากพอแล้ว จึงไม่คิดที่จะไปแข่งกับใครในต่างประเทศ แต่ลืมคิดไปว่าแม้นว่าเราไม่ออกไปแข่งกับใครในต่างแดน แต่นักธุรกิจต่างแดนอาจจะเข้ามาแข่งกับเราถึงที่ภายในประเทศ ถึงเวลานั้นเราอาจจะสูญเสียส่วนครองตลาดให้กับธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาแข่งขัน เราต้องตระหนักว่าในยุคโลกาภิวัตน์นี้ผู้บริโภคในประเทศที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่มักจะสนใจตราสินค้าระดับโลก (Global Brand) มากกว่าตราสินค้าภายในประเทศ (Local Brand) สิ่งที่ประจักษ์อยู่ในปัจจุบันคือสินค้าที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขายในต่างแดนได้ มักจะมีคุณค่าเพิ่มขึ้นในสายตาของคนในประเทศ ดังนั้นเราจะต้องพยายามทำให้สินค้าของเรากลายเป็น Global Brand ด้วยการขยายตลาดไปต่างประเทศให้จงได้
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความพยายามที่จะต้องมุ่งมั่นเอาจริง และใช้องค์ประกอบหลายอย่างเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าการสร้าง Brand ทีมงานที่มีหัวใจเป็นนักการตลาด CEO ที่ให้ความสำคัญกับการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดที่เน้นความสำคัญของการสร้าง Brand ที่จะต้องมีการลงทุนด้านการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ
อยากมีธุรกิจที่แข็งแกร่ง ต้องมองไปให้ไกลในตลาดโลกที่ไร้พรมแดน ด้วยการสร้าง Brand ให้เป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจของลูกค้าที่มีความภักดีนิรันดร