เครื่องสำอางโคเซ่เผยปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองฟาดหางต้องปรับแผนลดเป้ายอดรายได้ใหม่ทั้งปี ระบุยอดขายไตรมาสแรกยังโต 117% จากการเปิดตัวสินค้าใหม่และทำโปรโมชั่น ห่วงกำลังซื้อลูกค้าที่พบว่ามีความถี่ช้าลง เดินหน้างัดกลยุทธ์เด็ดจัดโปรโมชั่นชุดสินค้าคุ้มค่า หวังกระตุ้นกำลังซื้อกลับคืน พร้อมเล็งเปิดเคาน์เตอร์โคเซ่เพิ่มอีก 6 แห่งเน้นต่างจังหวัดและเตรียมเปิดเคาน์เตอร์คอสเม่ ดีคอร์เต้ที่อิเซตัน ตั้งเป้ายอดรายได้ครึ่งปีแรกเติบโต 15%
นายโชคชัย รัตนวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอางโคเซ่จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจและการเมืองได้ส่งผลให้บริษัทฯต้องลดเป้ายอดขายลง จากเดิมตั้งเป้ายอดรายได้ไตรมาสแรกเติบโต 20% ปรับเป้าเป็นโต 15% ซึ่งล่าสุดยอดขายในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้บริษัทฯเติบโต 17% ซึ่งการที่เติบโตเป็นเพราะช่วงต้นปีบริษัทฯมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น มอยเจอร์ สกินแคร์ และโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะที่ร่วมทำกับห้างโรบินสัน เป็นต้น
ในส่วนกำลังซื้อของลูกค้าที่มีต่อเครื่องสำอางโคเซ่พบว่าตกลงเล็กน้อย จากเดิมค่าใช้จ่ายของลูกค้าต่อคนจะมีประมาณ 5,000 บาทต่อครั้ง แต่ปัจจุบันการซื้อเครื่องสำอางมีความถี่ช้าลง เนื่องจากจะใช้จ่ายเงินจะประหยัดขึ้นหรือมีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ปัจจุบันโคเซ่มีฐานสมาชิกลูกค้าประมาณ 30,000 ราย ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าจำนวนสมาชิกจะมีเพิ่มขึ้น 123%
ดังนั้นแผนการตลาดของบริษัทฯในการที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่หรือกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับมา โดยการจัดกิจกรรมหรือโปรโมชั่นพิเศษ อาทิ จัดชุดสินค้าแบบคุ้มค่า (Value Set) 5 ชุด ที่มอบส่วนลด 30% เริ่มต้นวางขายตั้งแต่ 1 พ.ค. 49 นี้ ซึ่งผลตอบรับ 10 วันที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับดี
ล่าสุดบริษัทฯได้จัดแคมเปญ “Yes! We love SEKKISE” ที่สยาม พารากอน เนื่องจากต้องการตอกย้ำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เซกิเซ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มไวท์เทนนิ่งที่มียอดขายดีหรือมากกว่า 25 ล้านขวด รวมถึงเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
“งบการตลาดปีนี้ของโคเซ่เตรียมใช้กว่า 80 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้ประมาณ 76 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำกิจกรรมและจัดโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีเปิดตัวสินค้าใหม่ไป 3 รายการแล้ว ในช่วงครึ่งปีหลังก็เตรียมเปิดตัวอีก 3 ชุดทั้งกลุ่มสกินแคร์และเมคอัพ”
ส่วนช่องทางการจำหน่ายสินค้าปัจจุบันบริษัทฯมีเคาน์เตอร์โคเซ่อยู่ทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง ปีนี้คาดว่าจะเปิดเพิ่ม 6 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 1 แห่งและที่เหลือเป็นต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น, พิษณุโลกและสุราษฎร์ธานี โดยงบลงทุนแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้ประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนเคาน์เตอร์ของเครื่องสำอางแบรนด์พรีเมี่ยม “คอสเม่ ดีคอร์เต้” มี 1 แห่ง คือ ที่เซ็นทรัล ชิดลม ปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาที่ 2 ที่อิเซตัน เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรกนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตลดลงจากเดิม 20% เป็น 15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและรอดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลก่อน จากนั้นถึงจะมีการตั้งเป้ายอดรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะไปในทิศทางใด
นายโชคชัย รัตนวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอางโคเซ่จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจและการเมืองได้ส่งผลให้บริษัทฯต้องลดเป้ายอดขายลง จากเดิมตั้งเป้ายอดรายได้ไตรมาสแรกเติบโต 20% ปรับเป้าเป็นโต 15% ซึ่งล่าสุดยอดขายในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้บริษัทฯเติบโต 17% ซึ่งการที่เติบโตเป็นเพราะช่วงต้นปีบริษัทฯมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น มอยเจอร์ สกินแคร์ และโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะที่ร่วมทำกับห้างโรบินสัน เป็นต้น
ในส่วนกำลังซื้อของลูกค้าที่มีต่อเครื่องสำอางโคเซ่พบว่าตกลงเล็กน้อย จากเดิมค่าใช้จ่ายของลูกค้าต่อคนจะมีประมาณ 5,000 บาทต่อครั้ง แต่ปัจจุบันการซื้อเครื่องสำอางมีความถี่ช้าลง เนื่องจากจะใช้จ่ายเงินจะประหยัดขึ้นหรือมีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ปัจจุบันโคเซ่มีฐานสมาชิกลูกค้าประมาณ 30,000 ราย ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าจำนวนสมาชิกจะมีเพิ่มขึ้น 123%
ดังนั้นแผนการตลาดของบริษัทฯในการที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่หรือกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับมา โดยการจัดกิจกรรมหรือโปรโมชั่นพิเศษ อาทิ จัดชุดสินค้าแบบคุ้มค่า (Value Set) 5 ชุด ที่มอบส่วนลด 30% เริ่มต้นวางขายตั้งแต่ 1 พ.ค. 49 นี้ ซึ่งผลตอบรับ 10 วันที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับดี
ล่าสุดบริษัทฯได้จัดแคมเปญ “Yes! We love SEKKISE” ที่สยาม พารากอน เนื่องจากต้องการตอกย้ำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เซกิเซ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มไวท์เทนนิ่งที่มียอดขายดีหรือมากกว่า 25 ล้านขวด รวมถึงเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
“งบการตลาดปีนี้ของโคเซ่เตรียมใช้กว่า 80 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้ประมาณ 76 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำกิจกรรมและจัดโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีเปิดตัวสินค้าใหม่ไป 3 รายการแล้ว ในช่วงครึ่งปีหลังก็เตรียมเปิดตัวอีก 3 ชุดทั้งกลุ่มสกินแคร์และเมคอัพ”
ส่วนช่องทางการจำหน่ายสินค้าปัจจุบันบริษัทฯมีเคาน์เตอร์โคเซ่อยู่ทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง ปีนี้คาดว่าจะเปิดเพิ่ม 6 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 1 แห่งและที่เหลือเป็นต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น, พิษณุโลกและสุราษฎร์ธานี โดยงบลงทุนแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้ประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนเคาน์เตอร์ของเครื่องสำอางแบรนด์พรีเมี่ยม “คอสเม่ ดีคอร์เต้” มี 1 แห่ง คือ ที่เซ็นทรัล ชิดลม ปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาที่ 2 ที่อิเซตัน เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรกนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตลดลงจากเดิม 20% เป็น 15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและรอดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลก่อน จากนั้นถึงจะมีการตั้งเป้ายอดรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะไปในทิศทางใด