มาสเตอร์แอดปรับเกม หลังกำไรปีที่แล้วลดลง ชูแนวทางการทำงานควบคุมต้นทุนให้ลดลง เพิ่มรายได้จาก 4 แนวทางหลัก เล็งเทคโอเวอร์หรือควบรวมกิจการ
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้จะยึดการทำงานโดยจะควบคุมค่าใช้จ่ายให้คงตัว ขณะเดียวกันก็จะต้องเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นด้วย เพื่อให้ผลกำไรเพิ่ม เนื่องจากกำไรเมื่อสิ้นปี 2548 เหลือเพียง 65 ล้านบาท จากกำไรช่วงปี 2547 ที่มีสูงถึง 85 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น
ในส่วนของการสร้างรายรับให้เพิ่มมากขึ้นนั้นมีหลายแนวทางที่ดำเนินการคือ 1.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว คือ สื่อโฆษณาเดิมที่ต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ความทันสมัยเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสื่อมากขึ้น
2.การลงทุนในโครงการใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่ามีโครงการอะไรบ้างน่าสนใจและมีความเป็นไปได้ในการลงทุน เพราะว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้สะสมเทคโนโลยีไว้มาก แต่ก็ต้องระวังในเรื่องของการลงทุนเช่นกัน ในเรื่องของการสร้างรายได้กลับคืน โดยต้องรอให้จังหวะเหมาะสมในการเปิดสื่อใหม่แต่ละครั้งด้วย
3.การสร้างตลาดต่างประทศ โดยพยายามที่จะสร้างเครือข่าย และเพิ่มการลงทุนในสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางพันธมิตรในต่างประเทศที่จะลงทุนร่วมกัน โดยบริษัทฯจะเป็นผู้รับผิดชอบทางด้านเทคโนโลยี การตลาด ส่วนทางด้านพันธมิตรของประเทศนั้นจะต้องรับผิดชอบทางด้านคอนเน็คชั่นและการผลิต เนื่องจากจะรู้ถึงสายสัมพันธ์ต่างๆดีกว่าบริษัทฯ
ขณะที่ประเด็นสุดท้ายคือ เรื่องของการทำ เอ็มแอนด์เอ หรือ การควบรวมกิจการหรือเทคโอเวอร์ ซึ่งจะต้องเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับมาสเตอร์แอดด้วยโดยเฉพาะสื่อเอาท์ออฟโฮมมีเดีย หรือสื่อโฆษณานอกบ้าน โดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับหลายราย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งธุรกิจใหม่นี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“เวลานี้เราเป็นบริษัทฯที่มีสื่อเอาท์ออฟโฮมที่หลากหลายวาไรตี้มากที่สุดในตลาดก็ว่าได้ ซึ่งถ้าหากเรามีเข้ามาเสริมอีกก็จะยิ่งทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นอีก และเราก็สามารถที่จะนำมาจัดเป็นระบบเป็นแพ็คเกจเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้าหรือเอเจนซีได้”
อย่างไรก็ตาม นายนพดล ยอมรับว่า สื่อโฆษณาเอาท์ออฟโฮมมีเดียที่บริษัทฯยังมีมากคือ ประเภท สมอลล์ฟอร์แมท (Small Format) ซึ่งมีพื้นที่ต่ำกว่า 50 ตารางเมตร และสื่อที่ยังไม่ได้ทำมากนักคือ ดิจิตอลมีเดีย พวกพลาสม่าทีวีเป็นต้น ซึ่งก็เป็นแนวทางที่เราคุยกันอยู่
ปัจจุบันสัดส่วนการทำสื่อโฆษณาของบริษัทฯนั้น แบ่งเป็นเอาท์ดอร์มากถึง 95% และอินดอร์เพียงแค่ 5% เท่านั้น
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้จะยึดการทำงานโดยจะควบคุมค่าใช้จ่ายให้คงตัว ขณะเดียวกันก็จะต้องเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นด้วย เพื่อให้ผลกำไรเพิ่ม เนื่องจากกำไรเมื่อสิ้นปี 2548 เหลือเพียง 65 ล้านบาท จากกำไรช่วงปี 2547 ที่มีสูงถึง 85 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น
ในส่วนของการสร้างรายรับให้เพิ่มมากขึ้นนั้นมีหลายแนวทางที่ดำเนินการคือ 1.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว คือ สื่อโฆษณาเดิมที่ต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ความทันสมัยเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสื่อมากขึ้น
2.การลงทุนในโครงการใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่ามีโครงการอะไรบ้างน่าสนใจและมีความเป็นไปได้ในการลงทุน เพราะว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้สะสมเทคโนโลยีไว้มาก แต่ก็ต้องระวังในเรื่องของการลงทุนเช่นกัน ในเรื่องของการสร้างรายได้กลับคืน โดยต้องรอให้จังหวะเหมาะสมในการเปิดสื่อใหม่แต่ละครั้งด้วย
3.การสร้างตลาดต่างประทศ โดยพยายามที่จะสร้างเครือข่าย และเพิ่มการลงทุนในสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางพันธมิตรในต่างประเทศที่จะลงทุนร่วมกัน โดยบริษัทฯจะเป็นผู้รับผิดชอบทางด้านเทคโนโลยี การตลาด ส่วนทางด้านพันธมิตรของประเทศนั้นจะต้องรับผิดชอบทางด้านคอนเน็คชั่นและการผลิต เนื่องจากจะรู้ถึงสายสัมพันธ์ต่างๆดีกว่าบริษัทฯ
ขณะที่ประเด็นสุดท้ายคือ เรื่องของการทำ เอ็มแอนด์เอ หรือ การควบรวมกิจการหรือเทคโอเวอร์ ซึ่งจะต้องเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับมาสเตอร์แอดด้วยโดยเฉพาะสื่อเอาท์ออฟโฮมมีเดีย หรือสื่อโฆษณานอกบ้าน โดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับหลายราย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งธุรกิจใหม่นี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“เวลานี้เราเป็นบริษัทฯที่มีสื่อเอาท์ออฟโฮมที่หลากหลายวาไรตี้มากที่สุดในตลาดก็ว่าได้ ซึ่งถ้าหากเรามีเข้ามาเสริมอีกก็จะยิ่งทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นอีก และเราก็สามารถที่จะนำมาจัดเป็นระบบเป็นแพ็คเกจเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้าหรือเอเจนซีได้”
อย่างไรก็ตาม นายนพดล ยอมรับว่า สื่อโฆษณาเอาท์ออฟโฮมมีเดียที่บริษัทฯยังมีมากคือ ประเภท สมอลล์ฟอร์แมท (Small Format) ซึ่งมีพื้นที่ต่ำกว่า 50 ตารางเมตร และสื่อที่ยังไม่ได้ทำมากนักคือ ดิจิตอลมีเดีย พวกพลาสม่าทีวีเป็นต้น ซึ่งก็เป็นแนวทางที่เราคุยกันอยู่
ปัจจุบันสัดส่วนการทำสื่อโฆษณาของบริษัทฯนั้น แบ่งเป็นเอาท์ดอร์มากถึง 95% และอินดอร์เพียงแค่ 5% เท่านั้น