ไทยสมาร์ทคาร์ดชี้กระแสความนิยมบัตรเงินสดดิจิตอลมาแรง คนแห่ใช้มากขึ้น เผย 4 เดือนมีคนใช้บัตร 3 แสนใบแล้ว ล่าสุดเพิ่มการลงทุนเป็น 800 ล้านบาทกว่าเท่าตัวจากเดิม เตรียมจับมือพันธมิตรอีก 3 ราย เปิดตัวบัตรร่วมอีก 3 ใบ เน้นกลุ่มวัยโจ๋ คุยปีนี้โกยลูกค้าใช้บัตรครบ 1 ล้านใบตามคาด คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ฉัตรชัยกนันท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจและตลาด บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับบัตรเงินสดดิจิตอล ภายใต้ชื่อ บัตรสมาร์ทเพิร์ส เปิดเผยว่า กระแสบัตรเงินสดมาแรงมากในปีนี้ โดยหลังจากที่บริษัทฯได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้มีจำนวนผู้ใช้บัตรสมาร์ทเพิร์สกว่า 3 แสนใบแล้ว จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านใบในปีนี้ โดยกว่า 70 % ของผู้ใช้บัตรนั้นจะเป็นลูกค้าของทางเซเว่นอีเลฟเว่น
ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บัตรทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนเท่าๆกัน ดังนั้นจากเดิมที่ทางบริษัทฯได้วางงบการลงทุนในปีนี้ไว้ 400 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ต้องมีการเพิ่มงบอีกเท่าตัว รวมเป็น 800 ล้านบาท เพื่อการขยายการดำเนินธุรกิจให้เพียงพอแก่ความต้องการ
โดยงบการลงทุนกว่า 800 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในส่วนของเครื่องอ่านบัตรประมาณ 135 ล้านบาท โดยตั้งเป้าจะติดตั้งให้ครบ 9,000 เครื่องในปีนี้ทั้งในส่วนของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าพันธมิตรกว่า 60 บริษัท ที่สามารถใช้บัตรสมาร์ทเพิร์สได้ โดยมีราคาเครื่องละประมาณ 15,000 บาท และการลงทุนในส่วนการโฆษณาประชาสันพันธ์อีก 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นจะเป็นการลงทุนในส่วนของออฟฟิศและตัวบัตรพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงการเข้าร่วมออกบู้ทในงาน Money Expo 2006 ระหว่างวันที่ 11-14 พ.ค.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งใช้งบประมาณทางการตลาดไปกว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น โดยล่าสุดเตรียมจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่อีก 3 ราย ได้แก่ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ จากบริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด, โชคดีติ๋มซำ จากบริษัท โชคดี อินเตอร์ฟู้ด จำกัด และมหาวิทยาลัยเอกชน 1 แห่ง ในการออกบัตรสมาร์ทเพิร์สร่วมกันอีกที่ละ 1 ใบ รวมเป็น 8 ใบ จากเดิมที่มีอยู่ 5 ใบ คือ บัตร 7-11 Value Card ของ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น, บัตรเชื่อมรัก ของทางเคาน์เตอร์ เซอร์วิส, บัตร True Privilege One Plus Card ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น และบัตรสมาร์ทเพิร์ส ของทางบริษัทฯอีก 2 ใบ โดยมีราคาในการจำหน่ายบัตรอยู่ที่ 250 บาทต่อใบ โดยสามารถเติมเงินได้ตั้งแต่ 50-10,000 บาท ซึ่งในขณะนี้มีวางจำหน่ายและสามารถเติมเงินได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจำนวนพันธมิตรของบริษัทฯขณะนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 60 บริษัทแล้ว เช่น ร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านตัดผมชลาชล ร้านเสื้อผ้าชั้นนำ แต่สามารถติดตั้งเครื่องอ่านบัตรได้เพียง 40 บริษัทเท่านั้น คาดว่าทั้งปีจะสามารถติดตั้งได้ครบทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่น สยามเซ็นเตอร์ คาร์ฟูร์ เทสโก้โลตัส รวมไปถึงทางธุรกิจทางด้านคมนาคม เช่น แท็กซี่ และรถไฟฟ้า เป็นต้น
นายฉัตรชัยยังได้กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของลูกค้าในขณะนี้เปลี่ยนไป หลังจากหันมาใช้บัตรเงินสดดิจิตอลมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าของทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นปกติจะมีการใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 40 บาท แต่เมื่อหันมาใช้บัตรสมาร์ทเพิร์สแทน พบว่ามีการใช้จ่ายต่อคนเพิ่มขึ้นเป็น 70 บาท จะเห็นได้ว่ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าภายในระยะ 3-5 ปี จะมีจำนวนผู้ใช้บัตรเงินสดดิจิตอล โดยเฉพาะบัตรสมาร์ทเพิร์สเพิ่มเป็น 5 ล้านใบได้อย่างแน่นอน
นายฉัตรชัย ฉัตรชัยกนันท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจและตลาด บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับบัตรเงินสดดิจิตอล ภายใต้ชื่อ บัตรสมาร์ทเพิร์ส เปิดเผยว่า กระแสบัตรเงินสดมาแรงมากในปีนี้ โดยหลังจากที่บริษัทฯได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้มีจำนวนผู้ใช้บัตรสมาร์ทเพิร์สกว่า 3 แสนใบแล้ว จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านใบในปีนี้ โดยกว่า 70 % ของผู้ใช้บัตรนั้นจะเป็นลูกค้าของทางเซเว่นอีเลฟเว่น
ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บัตรทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนเท่าๆกัน ดังนั้นจากเดิมที่ทางบริษัทฯได้วางงบการลงทุนในปีนี้ไว้ 400 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ต้องมีการเพิ่มงบอีกเท่าตัว รวมเป็น 800 ล้านบาท เพื่อการขยายการดำเนินธุรกิจให้เพียงพอแก่ความต้องการ
โดยงบการลงทุนกว่า 800 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในส่วนของเครื่องอ่านบัตรประมาณ 135 ล้านบาท โดยตั้งเป้าจะติดตั้งให้ครบ 9,000 เครื่องในปีนี้ทั้งในส่วนของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าพันธมิตรกว่า 60 บริษัท ที่สามารถใช้บัตรสมาร์ทเพิร์สได้ โดยมีราคาเครื่องละประมาณ 15,000 บาท และการลงทุนในส่วนการโฆษณาประชาสันพันธ์อีก 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นจะเป็นการลงทุนในส่วนของออฟฟิศและตัวบัตรพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงการเข้าร่วมออกบู้ทในงาน Money Expo 2006 ระหว่างวันที่ 11-14 พ.ค.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งใช้งบประมาณทางการตลาดไปกว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น โดยล่าสุดเตรียมจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่อีก 3 ราย ได้แก่ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ จากบริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด, โชคดีติ๋มซำ จากบริษัท โชคดี อินเตอร์ฟู้ด จำกัด และมหาวิทยาลัยเอกชน 1 แห่ง ในการออกบัตรสมาร์ทเพิร์สร่วมกันอีกที่ละ 1 ใบ รวมเป็น 8 ใบ จากเดิมที่มีอยู่ 5 ใบ คือ บัตร 7-11 Value Card ของ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น, บัตรเชื่อมรัก ของทางเคาน์เตอร์ เซอร์วิส, บัตร True Privilege One Plus Card ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น และบัตรสมาร์ทเพิร์ส ของทางบริษัทฯอีก 2 ใบ โดยมีราคาในการจำหน่ายบัตรอยู่ที่ 250 บาทต่อใบ โดยสามารถเติมเงินได้ตั้งแต่ 50-10,000 บาท ซึ่งในขณะนี้มีวางจำหน่ายและสามารถเติมเงินได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจำนวนพันธมิตรของบริษัทฯขณะนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 60 บริษัทแล้ว เช่น ร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านตัดผมชลาชล ร้านเสื้อผ้าชั้นนำ แต่สามารถติดตั้งเครื่องอ่านบัตรได้เพียง 40 บริษัทเท่านั้น คาดว่าทั้งปีจะสามารถติดตั้งได้ครบทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่น สยามเซ็นเตอร์ คาร์ฟูร์ เทสโก้โลตัส รวมไปถึงทางธุรกิจทางด้านคมนาคม เช่น แท็กซี่ และรถไฟฟ้า เป็นต้น
นายฉัตรชัยยังได้กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของลูกค้าในขณะนี้เปลี่ยนไป หลังจากหันมาใช้บัตรเงินสดดิจิตอลมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าของทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นปกติจะมีการใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 40 บาท แต่เมื่อหันมาใช้บัตรสมาร์ทเพิร์สแทน พบว่ามีการใช้จ่ายต่อคนเพิ่มขึ้นเป็น 70 บาท จะเห็นได้ว่ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าภายในระยะ 3-5 ปี จะมีจำนวนผู้ใช้บัตรเงินสดดิจิตอล โดยเฉพาะบัตรสมาร์ทเพิร์สเพิ่มเป็น 5 ล้านใบได้อย่างแน่นอน