สวอท์ช กรุ๊ปโตสวนกระแสเศรษฐกิจ มั่นใจจุดเด่นของสินค้าในเครือที่มีหลายระดับกว่า 12 แบรนด์และการบริการลูกค้า ปีนี้มีแผนเปิดโมโน บูติคให้แต่ละแบรนด์ในเครือ จากปัจจุบันมีบูติคเพียง 2 แบรนด์ ล่าสุดจัดงาน “เดอะ เบสต์ ออฟ ไทม์ 2006”เป็นครั้งแรก พร้อมขนสินค้าในเครือ 10 แบรนด์ร่วมงาน
นายคริสตอฟ วิเกอรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและยอดขายของบริษัทฯ โดยยอดรายได้ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการเติบโตเกินเป้าที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทสวอท์ชฯมีนาฬิกาที่หลากหลายตั้งแต่ราคา 1พันบาทถึงหลักล้านบาท
โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 12 แบรนด์ อาทิ ฟลิกแฟล็ก,สวอท์ช,โอเมก้า,ซีเค, ราโด, ลองจินส์,ทิสโซต์,บริเกต์,กลาสฮุตเตอร์ โอริกินาล และ 2 แบรนด์ล่าสุดบลองแปงและเจเกอร์ โดซ์ ในปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ในกลุ่มนาฬิกาไฮเอนท์ ได้แก่ Leon Hatot ประกอบกับการเน้นทางด้านบริการให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างดี รวมถึงการทำโฆษณาและการจัดอีเวนต์อยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ยอดรายได้บริษัทฯเป็นที่น่าพอใจ
“นโยบายของบริษัทฯยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนเดิม โดยเราจะมองในระยะยาวมากกว่า ดังนั้นปีนี้เรามีแผนเปิดร้านแบบโมโน บูติคในแต่ละแบรนด์ ซึ่งตรงนี้คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนที่สูง ปัจจุบันบริษัทฯมีชอปที่เป็นบูติคอยู่แล้ว 2 แบรนด์ คือ สวอท์ชมี 4 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า,ลาดพร้าว,สยาม เซ็นเตอร์และเกษร และแบรนด์โอเมก้ามีชอปที่เกษร”
ล่าสุดบริษัทฯเตรียมจัดงานสวอท์ช แฟร์เป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่องาน “เดอะ เบสต์ ออฟ ไทม์ 2006” ซึ่งงานจะมีขึ้นในวันที่ 11-23 พ.ค. 2549 นี้ ที่เซ็นทรัล ชิดลม โดยความแตกต่างของงานนี้ที่โดดเด่นกว่างานนาฬิกาที่อื่นๆ อาทิ การตกแต่งสถานที่หรือบูทที่สามารถแสดงออกถึงบุคลิกของแบรนด์นาฬิกาในเครือสวอท์ชที่มาโชว์ในงานทั้ง 10 แบรนด์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังมีการจัดให้บริการลูกค้าภายในงานอีกด้วย
สิ่งที่คาดหวังจากการจัดงานในครั้งนี้ ได้แก่ ภาพลักษณ์ของนาฬิกาในแต่ละแบรนด์ที่ต้องการให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น และการตอบแทนลูกค้าด้วยการมอบส่วนลดพิเศษ 10-15% หรือการได้รับส่วนลด 5% เมื่อชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ เป็นต้น
ส่วนภาพรวมการแข่งขันในปีนี้ของตลาดนาฬิกาพบว่ายังมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางและระดับล่างที่มีสินค้าเลียนแบบและสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาทำตลาดแข่ง
นายคริสตอฟ วิเกอรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและยอดขายของบริษัทฯ โดยยอดรายได้ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการเติบโตเกินเป้าที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทสวอท์ชฯมีนาฬิกาที่หลากหลายตั้งแต่ราคา 1พันบาทถึงหลักล้านบาท
โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 12 แบรนด์ อาทิ ฟลิกแฟล็ก,สวอท์ช,โอเมก้า,ซีเค, ราโด, ลองจินส์,ทิสโซต์,บริเกต์,กลาสฮุตเตอร์ โอริกินาล และ 2 แบรนด์ล่าสุดบลองแปงและเจเกอร์ โดซ์ ในปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ในกลุ่มนาฬิกาไฮเอนท์ ได้แก่ Leon Hatot ประกอบกับการเน้นทางด้านบริการให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างดี รวมถึงการทำโฆษณาและการจัดอีเวนต์อยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ยอดรายได้บริษัทฯเป็นที่น่าพอใจ
“นโยบายของบริษัทฯยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนเดิม โดยเราจะมองในระยะยาวมากกว่า ดังนั้นปีนี้เรามีแผนเปิดร้านแบบโมโน บูติคในแต่ละแบรนด์ ซึ่งตรงนี้คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนที่สูง ปัจจุบันบริษัทฯมีชอปที่เป็นบูติคอยู่แล้ว 2 แบรนด์ คือ สวอท์ชมี 4 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า,ลาดพร้าว,สยาม เซ็นเตอร์และเกษร และแบรนด์โอเมก้ามีชอปที่เกษร”
ล่าสุดบริษัทฯเตรียมจัดงานสวอท์ช แฟร์เป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่องาน “เดอะ เบสต์ ออฟ ไทม์ 2006” ซึ่งงานจะมีขึ้นในวันที่ 11-23 พ.ค. 2549 นี้ ที่เซ็นทรัล ชิดลม โดยความแตกต่างของงานนี้ที่โดดเด่นกว่างานนาฬิกาที่อื่นๆ อาทิ การตกแต่งสถานที่หรือบูทที่สามารถแสดงออกถึงบุคลิกของแบรนด์นาฬิกาในเครือสวอท์ชที่มาโชว์ในงานทั้ง 10 แบรนด์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังมีการจัดให้บริการลูกค้าภายในงานอีกด้วย
สิ่งที่คาดหวังจากการจัดงานในครั้งนี้ ได้แก่ ภาพลักษณ์ของนาฬิกาในแต่ละแบรนด์ที่ต้องการให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น และการตอบแทนลูกค้าด้วยการมอบส่วนลดพิเศษ 10-15% หรือการได้รับส่วนลด 5% เมื่อชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ เป็นต้น
ส่วนภาพรวมการแข่งขันในปีนี้ของตลาดนาฬิกาพบว่ายังมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางและระดับล่างที่มีสินค้าเลียนแบบและสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาทำตลาดแข่ง