xs
xsm
sm
md
lg

เจียเม้งปรับลอจิสติกส์ลดต้นทุนผุด“ดีซี-ร้านอาหาร-ซูเปอร์”ตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจียเม้ง ปรับระบบลอจิสติกส์รับน้ำมันพุ่ง วางแผนบุกหนัก ทุ่ม 50 ล้านทำตลาดครบวงจรในไทย ส่วนตลาดต่างประเทศขยายตลาดส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น เล็งร่วมทุนตปท.ผุดศูนย์กระจายสินค้า เปิดร้านอาหารไทยชื่อ ใบตองและซูเปอร์มาร์เก็ตที่ดูไบ เป็นฐานส่งออกสินค้าไทย เล็งใช้โมเดลนี้ต่อที่จีน เผยปีที่แล้วโกย 8,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้โต 40%

นายวัลลภ  มานะธัญญา  กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทในเครือเจียเม้ง เปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้บริษัทฯต้องปรับกลยุทธ์การขนส่งใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยจะเร่งพัฒนาระบบลอจิสติกส์ที่ได้เริ่มเมื่อปีก่อนให้ดียิ่งขึ้น เช่น  หันมาใช้การขนส่งทางน้ำมากขึ้นแทนการขนส่งทางบกเดิม นอกจากนั้นจะใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ในการสื่อสารมากขึ้นทดแทนแรงงานคน การปรับเปลี่ยนการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ทางรถยนต์มาใช้รถไฟแทน พัฒนารูปแบบการจัดวางสินค้าและอุปกรณ์สายรัด ที่ช่วยในการขนส่งสินค้าได้คราวละหลายๆตัน ประหยัดเวลาและลดต้นทุนด้านขนส่งได้ 20% อีกทั้งในส่วนของค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นบริษัทฯก็ไม่ได้ทำการปรับราคาแต่อย่างใด

ทั้งนี้บริษัทฯวางแผนการทำตลาดในประเทศเต็มรูปแบบโดยใช้กลยุทธ์ Integrated Marketing Communication (IMC) ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย ซึ่งในปีนี้จัดงบประมาณไว้ถึง 50 ล้านบาท รวมถึงแผนการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯ เคยประสบความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง จากบรรจุภัณฑ์ของข้าวขาวหอมมะลิ 100% ข้าวใหม่ต้นฤดูที่บรรจุในถุงพลาสติกหนาเคลือบ Metallic

ตลาดข้าวบรรจุถุงในไทยแข่งขันกันทางด้านราคาหนักมาก เพราะมีรายใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 6,000 ล้านบาท

ส่วนแผนการทำตลาดต่างประเทศนั้นจะเร่งปรับภาพลักษณ์และสร้างแบรนด์ “Golden Phoenix” ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทำการตลาดเชิงรุกทั้งโฆษณาและประชาสัมพันธ์และขยายตลาดใหม่ ๆ ต่อเนื่องในเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง โดยพิจารณาร่วมทุนกับต่างประเทศ เปิดศูนย์กระจายสินค้า และทำการตลาดเอง

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่อาหารไทยได้รับความนิยมและชื่นชอบไปทั่วโลก กลุ่มเจียเม้งจึงได้ขยายธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสาร มาผลิตและจัดจำหน่ายอาหารไทยทุกรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องปรุง เครื่องเทศ เครื่องแกงสำเร็จรูป และอาหารพร้อมบริโภค ที่มีรสชาติไทยแท้แต่ไม่เผ็ด โดยจัดตั้ง ‘บริษัท ซีเอ็ม เวิลด์ คิทเช่น จำกัด’ มาดำเนินการ และเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล “ครัวไทยสู่ครัวโลก” บริษัทฯได้ทำการลงทุนเปิดร้านอาหารชื่อ ‘ใบตอง’ พร้อมทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตเต็มรูปแบบที่ดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นแห่งแรก เพื่อจำหน่ายอาหารไทยและเครื่องปรุงไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าอาหารไทยในภูมิภาคนี้ ซึ่งการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยร่วมทุนกับคนท้องถิ่น ลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท และมีแผนที่จะทำการขยายร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตไปยังประเทศใกล้เคียงต่อไปในเร็วๆนี้ เช่น กาต้าร์ อาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน กาต้าร์ จีน เป็นต้น โดยใช้โมเดลที่ดูไบเป็นหลัก

ล่าสุดบริษัทฯเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ข้าวกล้องผัดธัญพืชพร้อมบริโภค” Ready to Eat ซึ่งเป็นข้าวกล้องผัดผสมธัญพืช ฉีกซองรับประทานได้ทันที กลุ่มบนทั้งชาย หญิง และเด็ก ซึ่งเป็นสินค้านำร่องในกลุ่มอาหารพร้อมบริโภครายแรกของไทยที่จะทำการจำหน่ายไปทั่วโลก ได้เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้วที่ วิลล่า ซูเปอร์มาร์เก็ต , ฟู้ดแลนด์ , ตั้งฮั่วเส็ง , เดอะมอลล์ ทุกสาขา และสยามพารากอน และยังมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าอื่นๆในรูปแบบเดียวกันอีก 4 – 5 ชนิด คาดว่าจะจำหน่ายได้ในปีนี้

ผลประกอบการของกลุ่มเจียเม้งปีที่แล้วเติบโต 60% จากเดิมที่มียอดการจำหน่าย 250,000 ตันในปี 2547 เพิ่มขึ้นเป็น 400,000 ตันในปี 2548 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท โดยปีที่แล้วได้บุกตลาดใหม่ อาทิเช่น ตลาดในทวีปแอฟริกา และ ตะวันออกกลางบางประเทศ และเพิ่มชนิดสินค้าที่ส่งออกต่างประเทศด้วยจากเดิมที่ส่งออกแต่ข้าวหอมมะลิเป็นหลัก มาทำการส่งสินค้าประเภทข้าวขาว และข้าวนึ่ง รวมถึงปลายข้าวเพิ่มขึ้น ส่วนปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโต ทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นประมาณ 20%

“ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวไปต่างประเทศในนาม Golden Phoenix หรือ กิมหงษ์ และจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงภายในประเทศ ภายใต้ชื่อตราสินค้า “หงษ์ทอง” โดยมีโรงสีข้าว โรงปรับปรุงและบรรจุ ขนาดใหญ่ถึง 4 แห่ง คือ บางซื่อ , นนทบุรี , นครราชสีมา และ ศรีสะเกษ มีกำลังการผลิตรวมกันถึง 500,000 ตัน ต่อปี โดยบริษัทฯจะเน้นในส่วนของตลาดข้าวหอมมะลิเป็นหลัก ในปีนี้บริษัทฯได้รับรางวัลสุดยอดซูเปอร์แบรนด์ในประเทศไทย “Trusted Brand Thailand Award 2006” และ “Trusted Brand Asia Award 2006” ของประเทศไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์ติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน (2004-2006)
กำลังโหลดความคิดเห็น