xs
xsm
sm
md
lg

"วิธิตา"ชูธงคอนเท้นต์โพรวายเดอร์ ต่อยอดคาแรคเตอร์สู่ดิจิตอลมีเดีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วิธิตา” ตั้งเป้าหมายสู่การเป็น คอนเท้นต์โพรวายเดอร์ รับดิจิตอลมีเดีย บูมในอนาคต ดันคาแรคเตอร์ในเครือทำเงิน ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ๆ หวังรายได้ปีนี้เติบโต 20% ล่าสุดแจ้งเกิด หนูหิ่น ในวงการภาพยนตร์ หลังโลดแล่นในหนังสือการ์ตูนมานาน ผนึกเสี่ยเจียง มีโมชั่น และภาพยนตร์หรรษา ร่วมทุ่มทุนสร้าง กว่า 40 ล้านบาท

นายสันติ เลาหบูรณะกิจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วิธิตา แอนิเมชั่น จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจมีเดียในอนาคตจากนี้จะเป็นดิจิตอลมีเดียมากขึ้น อุปกรณ์การสื่อสารใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากนี้จะเกิดขึ้นมารองรับดิจิตอลคอนเท้นต์มากขึ้น ดังนั้นในฐานะที่บริษัทฯอยู่ในวงการนี้ก็มีเป้าหมายที่ต้องการจะเป็น คอนเท้นต์ โพรวายเดอร์ (Content Provider) เพื่อรองรับกับกระแสดิจิตอลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ ต้องการที่จะให้ทางภาครัฐเข้ามามีส่วนในการสนับสนุนและวางแผนแม่บทระยะยาว 5- 10 ปี ในการร่วมพัฒนาทางด้านคอนเท้นต์และระบบดิจิตอลต่างๆด้วย รวมไปถึงการช่วยเหลือทางด้านการตลาด ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐก็ให้การสนับสนุนบ้างแล้วแต่จะเน้นไปทางด้านการพัฒนาบุคลากรมากกว่า ในต่างประเทศอย่างเช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งไปเร็วมาก เพราะทางภาครัฐมีแผนและแนวทางที่ชัดแจน

“ถ้ามองในเรื่องของเบสิคสกิลหรือทักษะเบื้องต้น คนไทยเราเก่งอยู่แล้ว ไม่แพ้ใคร เพราะคนไทยมีความสามารถทางด้านความละเมียดละไมแต่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ หากต้องการจะไปให้ได้ไกล โดยเฉพาะเทคโนโลยีและการสนับสนุนอย่างเต็มที่”

ในส่วนของบริษัทฯเองนั้น มีแผนที่จะนำเอาคาแรคเตอร์ต่างๆในเครือของสำนักพิมพ์บรรลือสาส์นซึ่งเป็นบริษัทแม่นำมาต่อยอดทางธุรกิจ นอกเหนือจากการเป็นเพียงแค่ตัวหนังสือในการ์ตูนสิ่งพิมพ์นั้น ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มแล้วประมาณ 4 คาแรคเตอร์ คือ ปังปอนด์ หนูหิ่น ไก่ย่างวัลลภ และสตั๊นมันสเตอร์ที่อยูระหว่างการเตรียมการ เพื่อรองรับสู่การเป็นคอนเท้นต์โพรวายเดอร์

“ทางกลุ่มวางตัวเองต้องการก้าวเข้าสู่การเป็น คอนเท้นต์ โพรวายเดอร์ โดยใช้วิธิตาเป็นแกนนำ ซึ่งเปิดมาได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว เรายังเป็นบริษัทเล็กๆอยู่ แต่ก็มีการเติบโตทุกปีแต่ยังไม่มาก แต่เราเห็นโอกาสทางการตลาด จากคาแรคเตอร์ที่เรามีอยู่”

ในปีนี้บริษัทฯจึงมีแผนรุกหนักทางด้านการตลาดอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าหมายผลประกอบการมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% ซึ่งมาจากรายได้ 4 ช่องทางหลักคือ 1.การผลิตแอนิเมชั่น 2.การขายสิทธิ์เมอร์ชันไดซ์ 3.การขายสิทธิ์ให้นิวมีเดีย มีสัดส่วนรายได้รวม 60% และ 4.การรับจ้างทำคาแรคเตอร์ดีไซน์ สัดส่วนรายได้ 40%

สำหรับผลงานของคาแรคเตอร์ในการนำมาต่อยอดที่ผ่านมาเช่น ปังปอนด์ ซึ่งถือเป็นตัวทำรายได้หลักเวลานี้มีการทำเป็นหนังฉายผ่านทางช่อง 3 ไปแล้ว และภาคที่สามจะออกฉายเร็วนี้ ล่าสุดเพิ่งเซ็นสัญญากับทางซีซีทีวีของประเทศจีนเพื่อนำไปออกอากาศ นอกนั้นก็เป็นการขายสิทธิ์ทำเมอร์ชันไดซ์จำนวนมาก ส่วนหนูหิ่นก็เริ่มทำเป็นหนังภาพยนตร์ฉายโรงหนังแล้ว และมีการขายสิทธิ์เมอร์ชันไดซ์กว่า 10 รายเช่นกัน ส่วนสามก๊กก็เพิ่งส่งออกไปยังเกาหลีไม่นานนี้

ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมมือกับ สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล มีโมชั่น ภาพยนตร์หรรษา ในการตั้งกิจการร่วมค้า เพื่อร่วมทุนกันสร้างภาพยนตร์เรื่อง หนูหิ่น ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ในหนังสือการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท จะเข้าฉายในโรงหนังวันที่ 1 มิถุนายนศกนี้

นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานกลุ่มสหมงคลฟิล์ม กล่าวว่า เรื่องหนูหิ่น จะใช้งบการตลาดประมาณ 10 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท โดยมมีความมั่นใจ เนื่องจากดูจากเนื้อหาและตัวหนูหิ่นซึ่งได้รับความนิยมอยู่แล้วน่าจะดึงผู้ที่ชื่นชอบหนูหิ่นและกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ไม่ยาก และมีโอกาสที่หนังเรื่องนี้จะมีการสร้างภาคต่อๆ ไปอีกด้วย
ปังปอนด์
กำลังโหลดความคิดเห็น