สนพ. ประชุมร่วมผู้ค้า-โรงกลั่นน้ำมันเร่งรัดโครงการน้ำมันราคาถูกสำหรับภาคขนส่งให้เริ่มใช้ได้วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ระบุมีมูลค่าในการรับภาระช่วยเหลือในส่วนของภาคเอกชนรวม 900 ล้านบาท โดยโรงกลั่นฯ และผู้ค้าน้ำมันร่วมกันรับผิดชอบ คาดใช้เวลา 3 เดือนในการดำเนินมาตรการนี้ หลังจากนั้นต้องหาวิธีอื่น หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมัน เพื่อกำหนดรายละเอียดในการจำหน่ายน้ำมันราคาพิเศษต่ำกว่าหน้าสถานีบริการ 1 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยเหลือภาคขนส่ง ว่า เชื่อว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ เป็นเวลา 3 เดือน คาดว่าจะต้องใช้น้ำมันประมาณ 10 ล้านลิตร/วัน รวม 900 ล้านลิตร หรือเป็นเงินที่ภาคเอกชนจะร่วมลดภาระรวม 900 ล้านบาท ซึ่งทางโรงกลั่นฯและผู้ค้าน้ำมันได้ตกลงที่จะแบ่งความรับผิดชอบร่วมกัน เช่น โรงกลั่นฯ ยอมลดค่าการกลั่นให้ผู้ค้าน้ำมันโดยสมัครใจ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ส่งตัวเลขรถขนส่งที่จะเข้าโครงการรวม 222,1000 คัน ในจำนวนนี้ 120,000-130,000 คัน เป็นลูกค้าเก่าของผู้ค้าน้ำมันแต่ละราย ซึ่งทางผู้ค้าน้ำมันพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือดูแล แต่กรณีที่ไม่ใช่ลูกค้าประมาณ 100,000 ราย ทางผู้ค้าน้ำมันจะตกลงกันว่าจะแบ่งความรับผิดชอบกันอย่างไรและเมื่อตกลงกันเสร็จแล้ว จะมีการแจ้งต่อผู้ประกอบการขนส่งให้รับทราบว่าจะเป็นลูกค้าของบริษัทใดและสามารถเติมน้ำมันด้วยระบบฟลีทการ์ด ณ จุดใดได้บ้าง
“การใช้ฟลีทการ์ท จะช่วยป้องกันการรั่วไหลและการช่วยเหลือน้ำมันดีเซลราคาถูก 1 บาท/ลิตรก็จะถึงผู้ประกอบการขนส่งโดยตรง สามารถลดภาระไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารหรือค่าขนส่งกับประชาชน ซึ่งโรงกลั่นและผู้ค้าปลีกจะทำความตกลงกันเองในเรื่องการแชร์ภาระที่จะเข้ามาช่วยภาคขนส่งในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องถูกต้อง ที่จะลดข้อครหารัฐเข้าไปแทรกแซงราคาน้ำมัน ดังนั้น ต่อจากนี้ สนพ.จะเร่งผลักดันให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่ายให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ช่วยเหลือภาคขนส่งให้ทันภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ โดยการช่วยเหลือด้านการลดราคาขายปลีกลิตรละ 1 บาท คาดว่าจะช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2549 หรือเป็นระยะเวลารวม 3 เดือนเท่านั้น แต่หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้น ภาครัฐคงต้องหาแนวทางอื่นๆ ช่วยเหลือต่อไป” นายเมตตา กล่าว
ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวถึงราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นรุนแรงวานนี้ (2 พ.ค.) ว่า เกิดจากปัญหานิวเคลียร์ในอิหร่านและกรณีประเทศโบลิเวียที่เข้ายึดแหล่งก๊าซธรรมชาติให้ตกเป็นสมบัติของรัฐ ซึ่งการบริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบน้ำมันแพง ทางภาครัฐได้พยายามเข้ามาประคับประคอง ด้วยมาตรการลดผลกระทบรายสาขา รวมทั้งจัดหาพลังงานทดแทน แต่ที่สำคัญประชาชนทุกคนต้องร่วมกันประหยัดลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด
นายมนูญ ศิริวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าราคาที่สูงขึ้นจากปัญหาพื้นฐาน หรือเกิดจากความวิตกเรื่องสงคราม โดยคงต้องรอดูราคาปิดวันนี้ (3 พ.ค.) จึงจะมีความชัดเจน และขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตาดู ว่า การประชุมองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะมีมติเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน อย่างไร หากมีมติไม่มีการโจมตี คาดว่าปัญหาราคาน้ำมันจะคลี่คลาย ซึ่งขณะนี้หลายฝ่ายได้พยายามเข้าช่วยเจรจาเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม
ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยมาถึงระดับกว่า 74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สาเหตุจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านออกมาประกาศว่าราคาน้ำมันดิบอาจจะแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หากสหรัฐโจมตีอิหร่าน ประกอบกับมีแรงซื้อเก็งกำไรจากกองทุนต่างๆ เข้ามาในตลาด เพราะใกล้จะถึงฤดูกาลท่องเที่ยวและฤดูกาลที่มีเฮอริเคนของสหรัฐ นอกจากนั้นตลาดยังมีความกังวลว่า ผู้ก่อการร้ายอาจโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่สำคัญ เช่น Abqaiq ของซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขสตอกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังของสหรัฐในสัปดาห์นี้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการที่จีนและรัสเซียประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไม่สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรหรือการโจมตีทางทหารของชาติตะวันตกต่ออิหร่าน ทำให้ตลาดคลายความกังวลลงได้บ้าง มีส่วนกดดันราคาไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมัน เพื่อกำหนดรายละเอียดในการจำหน่ายน้ำมันราคาพิเศษต่ำกว่าหน้าสถานีบริการ 1 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยเหลือภาคขนส่ง ว่า เชื่อว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ เป็นเวลา 3 เดือน คาดว่าจะต้องใช้น้ำมันประมาณ 10 ล้านลิตร/วัน รวม 900 ล้านลิตร หรือเป็นเงินที่ภาคเอกชนจะร่วมลดภาระรวม 900 ล้านบาท ซึ่งทางโรงกลั่นฯและผู้ค้าน้ำมันได้ตกลงที่จะแบ่งความรับผิดชอบร่วมกัน เช่น โรงกลั่นฯ ยอมลดค่าการกลั่นให้ผู้ค้าน้ำมันโดยสมัครใจ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ส่งตัวเลขรถขนส่งที่จะเข้าโครงการรวม 222,1000 คัน ในจำนวนนี้ 120,000-130,000 คัน เป็นลูกค้าเก่าของผู้ค้าน้ำมันแต่ละราย ซึ่งทางผู้ค้าน้ำมันพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือดูแล แต่กรณีที่ไม่ใช่ลูกค้าประมาณ 100,000 ราย ทางผู้ค้าน้ำมันจะตกลงกันว่าจะแบ่งความรับผิดชอบกันอย่างไรและเมื่อตกลงกันเสร็จแล้ว จะมีการแจ้งต่อผู้ประกอบการขนส่งให้รับทราบว่าจะเป็นลูกค้าของบริษัทใดและสามารถเติมน้ำมันด้วยระบบฟลีทการ์ด ณ จุดใดได้บ้าง
“การใช้ฟลีทการ์ท จะช่วยป้องกันการรั่วไหลและการช่วยเหลือน้ำมันดีเซลราคาถูก 1 บาท/ลิตรก็จะถึงผู้ประกอบการขนส่งโดยตรง สามารถลดภาระไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารหรือค่าขนส่งกับประชาชน ซึ่งโรงกลั่นและผู้ค้าปลีกจะทำความตกลงกันเองในเรื่องการแชร์ภาระที่จะเข้ามาช่วยภาคขนส่งในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องถูกต้อง ที่จะลดข้อครหารัฐเข้าไปแทรกแซงราคาน้ำมัน ดังนั้น ต่อจากนี้ สนพ.จะเร่งผลักดันให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่ายให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ช่วยเหลือภาคขนส่งให้ทันภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ โดยการช่วยเหลือด้านการลดราคาขายปลีกลิตรละ 1 บาท คาดว่าจะช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2549 หรือเป็นระยะเวลารวม 3 เดือนเท่านั้น แต่หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้น ภาครัฐคงต้องหาแนวทางอื่นๆ ช่วยเหลือต่อไป” นายเมตตา กล่าว
ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวถึงราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นรุนแรงวานนี้ (2 พ.ค.) ว่า เกิดจากปัญหานิวเคลียร์ในอิหร่านและกรณีประเทศโบลิเวียที่เข้ายึดแหล่งก๊าซธรรมชาติให้ตกเป็นสมบัติของรัฐ ซึ่งการบริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบน้ำมันแพง ทางภาครัฐได้พยายามเข้ามาประคับประคอง ด้วยมาตรการลดผลกระทบรายสาขา รวมทั้งจัดหาพลังงานทดแทน แต่ที่สำคัญประชาชนทุกคนต้องร่วมกันประหยัดลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด
นายมนูญ ศิริวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าราคาที่สูงขึ้นจากปัญหาพื้นฐาน หรือเกิดจากความวิตกเรื่องสงคราม โดยคงต้องรอดูราคาปิดวันนี้ (3 พ.ค.) จึงจะมีความชัดเจน และขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตาดู ว่า การประชุมองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะมีมติเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน อย่างไร หากมีมติไม่มีการโจมตี คาดว่าปัญหาราคาน้ำมันจะคลี่คลาย ซึ่งขณะนี้หลายฝ่ายได้พยายามเข้าช่วยเจรจาเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม
ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยมาถึงระดับกว่า 74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สาเหตุจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านออกมาประกาศว่าราคาน้ำมันดิบอาจจะแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หากสหรัฐโจมตีอิหร่าน ประกอบกับมีแรงซื้อเก็งกำไรจากกองทุนต่างๆ เข้ามาในตลาด เพราะใกล้จะถึงฤดูกาลท่องเที่ยวและฤดูกาลที่มีเฮอริเคนของสหรัฐ นอกจากนั้นตลาดยังมีความกังวลว่า ผู้ก่อการร้ายอาจโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่สำคัญ เช่น Abqaiq ของซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขสตอกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังของสหรัฐในสัปดาห์นี้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการที่จีนและรัสเซียประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไม่สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรหรือการโจมตีทางทหารของชาติตะวันตกต่ออิหร่าน ทำให้ตลาดคลายความกังวลลงได้บ้าง มีส่วนกดดันราคาไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก