อุยเฮงอิมพอร์ตเห็นช่องว่างตลาดครีมทาฝ้ายังไม่มีใครเล่นอย่างจริงจัง ส่ง “อเมลา-เอ็กซ์” บุกตลาด ภายใต้งบการตลาด 40 ล้านบาท เบื้องต้นขายผ่านร้านขายยาก่อน จากนั้นเตรียมบุกซูเปอร์มาร์เก็ต และอีก 2 ปีเตรียมสร้างแบรนด์สู่อินเตอร์ด้วยการส่งออกไปยังย่านเอเชีย คาดยอดรายได้ปีนี้กว่า 100 ล้านบาท
นายพฤศกร เต็งอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุยเฮงอิมพอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าตามท้องตลาดยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ อีกทั้งยาแก้ฝ้าที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะทำให้หน้าขาวและไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝ้าได้อย่างแท้จริง บริษัทฯจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดนี้จึงได้นำผลิตภัณฑ์ครีมทาฝ้า “อเมลา-เอ็กซ์” มาเปิดตลาดและจัดจำหน่ายในไทยมาได้ปีกว่าแล้ว ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภค โดยยอดขายปีแรกมีประมาณ 20 ล้านบาท
ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงมีแผนทำการตลาดให้ครีมทาฝ้าอเมลา-เอ็กซ์มากขึ้น ภายใต้งบประมาณทางการตลาด 40 ล้านบาท โดยจะมีการทำตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทางสื่อต่างๆทั้งอโบฟ เดอะ ไลน์ เช่น ภาพยนตร์โฆษณาสินค้าอเมลา-เอ็กซ์ 3 เวอร์ชั่น และสื่อทางบีโลว์ เดอะ ไลน์
“เป้าหมายของบริษัทฯต้องการสร้างเซกเมนต์ใหม่อย่างครีมทาฝ้าให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่เราได้เปิดตัวและทำการตลาดให้กับอเมลา-เอ็กซ์อย่างจริงจังในปีนี้ รวมถึงเรายังหวังสร้างให้เป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลในอนาคต ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯมีแผนส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆย่านเอเชียในอีก 1-2 ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ ครีมทาฝ้าอเมลา-เอ็กซ์มี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 30 มล. ราคา 700 บาท และ 12 มล.ราคา 370 บาท ส่วนกลุ่มเป้าหมายของหลักของผลิตภัณฑ์จะเป็นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานหรือคนอายุระหว่าง 20-50 ปีที่กังวลเรื่องฝ้าบนผิวหน้า
ด้านช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อเมลา-เอ็กซ์ เบื้องต้นบริษัทฯจะขายผ่านร้านขายยาทั่วไป รวมถึงร้านบู้ทและวัตสันด้วย จากนั้นมีแผนเข้าช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ตในอีก 5-6 เดือนข้างหน้า
สำหรับยอดรายได้บริษัทฯปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ คิดเป็นสัดส่วนหลัก 80-90% และที่เหลือเป็นรายได้จากเวชสำอาง เช่น อเมลา-เอ็กซ์ ซึ่งปีนี้บริษัทฯคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้พบว่ายอดขายรวมของบริษัทฯไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือเฟเชี่ยล สกินแคร์ปีที่แล้วมีมูลค่า 5,500 ล้านบาท โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 เซกเมนต์ ได้แก่ เวชสำอาง, ตลาดแมส, เคาน์เตอร์ แบรนด์ และช่องทางขายตรง นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มไวท์เทนนิ่งมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันครีมทาฝ้ายังไม่มีกลุ่มชัดเจนหรืออาจจะอยู่ในเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่งหรือเวชสำอาง
“ปัจจุบันการแข่งขันของตลาดเฟเชียล สกินแคร์พบว่ามีการแข่งขันรุนแรงมาก ทั้งจากผู้ประกอบการในช่องทางต่างๆ รวมถึงการถูกจำกัดจากอ.ย.และหน่วยงานรัฐที่คุมเข้มเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการผลิต ซึ่งตรงนี้เราก็ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก” นายพฤศกรกล่าว
นายพฤศกร เต็งอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุยเฮงอิมพอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าตามท้องตลาดยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ อีกทั้งยาแก้ฝ้าที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะทำให้หน้าขาวและไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝ้าได้อย่างแท้จริง บริษัทฯจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดนี้จึงได้นำผลิตภัณฑ์ครีมทาฝ้า “อเมลา-เอ็กซ์” มาเปิดตลาดและจัดจำหน่ายในไทยมาได้ปีกว่าแล้ว ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภค โดยยอดขายปีแรกมีประมาณ 20 ล้านบาท
ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงมีแผนทำการตลาดให้ครีมทาฝ้าอเมลา-เอ็กซ์มากขึ้น ภายใต้งบประมาณทางการตลาด 40 ล้านบาท โดยจะมีการทำตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทางสื่อต่างๆทั้งอโบฟ เดอะ ไลน์ เช่น ภาพยนตร์โฆษณาสินค้าอเมลา-เอ็กซ์ 3 เวอร์ชั่น และสื่อทางบีโลว์ เดอะ ไลน์
“เป้าหมายของบริษัทฯต้องการสร้างเซกเมนต์ใหม่อย่างครีมทาฝ้าให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่เราได้เปิดตัวและทำการตลาดให้กับอเมลา-เอ็กซ์อย่างจริงจังในปีนี้ รวมถึงเรายังหวังสร้างให้เป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลในอนาคต ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯมีแผนส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆย่านเอเชียในอีก 1-2 ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ ครีมทาฝ้าอเมลา-เอ็กซ์มี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 30 มล. ราคา 700 บาท และ 12 มล.ราคา 370 บาท ส่วนกลุ่มเป้าหมายของหลักของผลิตภัณฑ์จะเป็นกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานหรือคนอายุระหว่าง 20-50 ปีที่กังวลเรื่องฝ้าบนผิวหน้า
ด้านช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อเมลา-เอ็กซ์ เบื้องต้นบริษัทฯจะขายผ่านร้านขายยาทั่วไป รวมถึงร้านบู้ทและวัตสันด้วย จากนั้นมีแผนเข้าช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ตในอีก 5-6 เดือนข้างหน้า
สำหรับยอดรายได้บริษัทฯปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ คิดเป็นสัดส่วนหลัก 80-90% และที่เหลือเป็นรายได้จากเวชสำอาง เช่น อเมลา-เอ็กซ์ ซึ่งปีนี้บริษัทฯคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้พบว่ายอดขายรวมของบริษัทฯไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือเฟเชี่ยล สกินแคร์ปีที่แล้วมีมูลค่า 5,500 ล้านบาท โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 เซกเมนต์ ได้แก่ เวชสำอาง, ตลาดแมส, เคาน์เตอร์ แบรนด์ และช่องทางขายตรง นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มไวท์เทนนิ่งมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันครีมทาฝ้ายังไม่มีกลุ่มชัดเจนหรืออาจจะอยู่ในเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่งหรือเวชสำอาง
“ปัจจุบันการแข่งขันของตลาดเฟเชียล สกินแคร์พบว่ามีการแข่งขันรุนแรงมาก ทั้งจากผู้ประกอบการในช่องทางต่างๆ รวมถึงการถูกจำกัดจากอ.ย.และหน่วยงานรัฐที่คุมเข้มเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการผลิต ซึ่งตรงนี้เราก็ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก” นายพฤศกรกล่าว