กระทรวงเกษตรฯ อนุมัติโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยปี 49 จำนวน 4 หมื่นตัน พร้อมปรับสัดส่วนการรับซื้อน้ำนมดิบต่อการนำเข้านมผงเป็น 7.66: 1 คาดช่วยลดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดได้
นายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยปี 2549 ว่า คณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรฯมีมติเห็นชอบให้กรมปศุสัตว์จัดสรรโควตานมผงขาดมันเนยในส่วนที่เหลืออยู่ 70% ของปริมาณที่เปิดตลาดตามพันธกรณี WTO และ TAFTA จำนวน 57,000 ตันตามที่สมาคมผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมเสนอ โดยในส่วนของการจัดสรรโควตาให้กับผู้ประกอบการ 16 บริษัทที่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศ ซึ่งเหลือโควตานำเข้าจำนวน 32,032 ตันจากทั้งหมด 45,760 ตัน ผู้ประกอบการจะต้องปรับสัดส่วนการรับซื้อน้ำนมดิบต่อการนำเข้านมผงเป็น 7.66 : 1 จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 6 : 1 ซึ่งคาดว่าการปรับสัดส่วนจะสามารถรองรับปริมาณน้ำนมดิบภายในประเทศเฉลี่ยวันละ 959.85 ตันได้ โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดเหมือนที่ผ่านมา
สำหรับการจัดสรรโควตาให้กับผู้ประกอบการทั่วไป ที่ไม่ได้ใช้น้ำนมดิบในประเทศ ซึ่งเหลือโควตานำเข้าจำนวน 8,008 ตันจากทั้งหมด 11,440 ตัน ทางสมาคมผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมได้ทำการจัดสรรโควตาให้กับผู้ประกอบทั้ง 58 บริษัท โดยพิจารณาจากฐานตัวเลขการใช้จริงของแต่ละบริษัทในปี 2548 ควบคู่ไปกับแผนการดำเนินงานในปี 2549
"ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคัดสรรฯ ได้อนุมัติให้สมาคมผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมนำเข้านมผงขาดมันในปริมาณร้อยละ 30 ของปริมาณนำเข้าทั้งหมดที่จะเปิดตลาดในปี 2549 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตที่เกิดขึ้น และปัจจุบันผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการพิจารณาคัดสรรฯ จึงได้เห็นชอบให้จัดสรรโควตาการนำเข้านมผงขาดมันเนยในส่วนที่เหลือทั้งหมด เพราะจะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและทำให้การจัดสรรมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย" ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อป้องกันผลกระทบต่อเด็กนักเรียน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ โดยเฉพาะการนำนมผงขาดมันเนยไปผสมในการผลิตนมโรงเรียน คณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรฯ จึงได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจทำหน้าตรวจสอบแผนการใช้นมผงขาดมันเนยของแต่ละบริษัทให้ถูกต้องตามแผนงานที่เสนอ ซึ่งในกรณีที่มีการตรวจพบการนำนมผงขาดมันเนยไปใช้ผิดประเภท นอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว บริษัทที่กระทำผิดยังจะถูกขึ้นบัญชีดำจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะไม่ได้รับการจัดสรรโควตาอีกต่อไปด้วย
นายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยปี 2549 ว่า คณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรฯมีมติเห็นชอบให้กรมปศุสัตว์จัดสรรโควตานมผงขาดมันเนยในส่วนที่เหลืออยู่ 70% ของปริมาณที่เปิดตลาดตามพันธกรณี WTO และ TAFTA จำนวน 57,000 ตันตามที่สมาคมผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมเสนอ โดยในส่วนของการจัดสรรโควตาให้กับผู้ประกอบการ 16 บริษัทที่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศ ซึ่งเหลือโควตานำเข้าจำนวน 32,032 ตันจากทั้งหมด 45,760 ตัน ผู้ประกอบการจะต้องปรับสัดส่วนการรับซื้อน้ำนมดิบต่อการนำเข้านมผงเป็น 7.66 : 1 จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 6 : 1 ซึ่งคาดว่าการปรับสัดส่วนจะสามารถรองรับปริมาณน้ำนมดิบภายในประเทศเฉลี่ยวันละ 959.85 ตันได้ โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดเหมือนที่ผ่านมา
สำหรับการจัดสรรโควตาให้กับผู้ประกอบการทั่วไป ที่ไม่ได้ใช้น้ำนมดิบในประเทศ ซึ่งเหลือโควตานำเข้าจำนวน 8,008 ตันจากทั้งหมด 11,440 ตัน ทางสมาคมผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมได้ทำการจัดสรรโควตาให้กับผู้ประกอบทั้ง 58 บริษัท โดยพิจารณาจากฐานตัวเลขการใช้จริงของแต่ละบริษัทในปี 2548 ควบคู่ไปกับแผนการดำเนินงานในปี 2549
"ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคัดสรรฯ ได้อนุมัติให้สมาคมผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมนำเข้านมผงขาดมันในปริมาณร้อยละ 30 ของปริมาณนำเข้าทั้งหมดที่จะเปิดตลาดในปี 2549 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตที่เกิดขึ้น และปัจจุบันผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการพิจารณาคัดสรรฯ จึงได้เห็นชอบให้จัดสรรโควตาการนำเข้านมผงขาดมันเนยในส่วนที่เหลือทั้งหมด เพราะจะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและทำให้การจัดสรรมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย" ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อป้องกันผลกระทบต่อเด็กนักเรียน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ โดยเฉพาะการนำนมผงขาดมันเนยไปผสมในการผลิตนมโรงเรียน คณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรฯ จึงได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจทำหน้าตรวจสอบแผนการใช้นมผงขาดมันเนยของแต่ละบริษัทให้ถูกต้องตามแผนงานที่เสนอ ซึ่งในกรณีที่มีการตรวจพบการนำนมผงขาดมันเนยไปใช้ผิดประเภท นอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว บริษัทที่กระทำผิดยังจะถูกขึ้นบัญชีดำจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะไม่ได้รับการจัดสรรโควตาอีกต่อไปด้วย