รมว.คมนาคมชี้แนวทางลดผลกระทบปัญหาน้ำมันแพงในภาคขนส่ง จะให้ ปตท.ลงทุนเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเอ็นจีวีให้เอกชนก่อน พร้อมให้ผู้ประกอบการขนส่งรายย่อย 100,000 ราย ขึ้นทะเบียนเติมน้ำมันราคาถูก คาดสิ้นเดือนนี้ได้ข้อสรุปชัดเจนทั้งหมด
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาผลกระทบราคาน้ำมันในภาคการขนส่งว่า ขณะนี้กำลังรอรายละเอียดข้อตกลงระหว่างกระทรวงพลังงาน ผู้ค้าน้ำมัน โรงกลั่น จากนั้นก็จะมีการประชุมผู้ประกอบการขนส่ง อาทิ บริษัทขนส่ง จำกัด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก. ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บขส. โดยแนวทางน่าจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหล่านี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นเอ็นจีวี
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะมีการลงทุนให้ก่อน ด้วยการใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาใช้เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์เอ็นจีวี ซึ่งขณะนี้มีเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท และปล่อยกู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ แต่ไม่ค่อยจะได้ผลในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อมีการติดต่อกับธนาคารพาณิชย์ ก็ปรากฏว่าผู้ประกอบการบางรายมีปัญหาเกี่ยวกับเครดิตไม่สามารถกู้ได้ จึงคิดว่าน่าจะให้ บมจ.ปตท.เป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ เพราะ ปตท.ก็เป็นผู้จำหน่ายเอ็นจีวีอยู่แล้ว แล้วคำนวณราคาติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีแบบผ่อนส่งผ่านระบบการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวี ที่ปัจจุบัน ปตท.ก็ใช้ระบบนี้กับการผ่อนส่งของรถแท็กซี่อยู่แล้ว
ส่วนปัญหารถขนส่งสินค้าซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 700,000 คันนั้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า 500,000 คันอยู่ในระบบการขนส่งสินค้าระหว่างโรงงาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเพราะว่าสามารถที่จะผ่องถ่ายไปยังราคาสินค้า แต่ที่ต้องช่วยเหลือมีประมาณ 100,000 คัน ที่เป็นผู้ขนส่งสินค้ารายย่อย ซึ่งที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ในเบื้องต้นอาจมีการขึ้นทะเบียนรถขนส่งเหล่านี้ เพื่อให้สามารถซื้อน้ำมันราคาถูกกว่าตลาด แต่จะสามารถซื้อได้ในราคาขายส่งหรือไม่ยังไม่เป็นที่สรุปชัดเจน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าระหว่างที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการภาระของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เพราะหน่วยงานต่างๆ ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าขาดคนที่จะมาตัดสินใจนโยบายในภาพรวม ทำให้น่าเป็นห่วงเรื่องนี้เช่นกัน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาผลกระทบราคาน้ำมันในภาคการขนส่งว่า ขณะนี้กำลังรอรายละเอียดข้อตกลงระหว่างกระทรวงพลังงาน ผู้ค้าน้ำมัน โรงกลั่น จากนั้นก็จะมีการประชุมผู้ประกอบการขนส่ง อาทิ บริษัทขนส่ง จำกัด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก. ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บขส. โดยแนวทางน่าจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหล่านี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นเอ็นจีวี
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะมีการลงทุนให้ก่อน ด้วยการใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาใช้เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์เอ็นจีวี ซึ่งขณะนี้มีเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท และปล่อยกู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ แต่ไม่ค่อยจะได้ผลในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อมีการติดต่อกับธนาคารพาณิชย์ ก็ปรากฏว่าผู้ประกอบการบางรายมีปัญหาเกี่ยวกับเครดิตไม่สามารถกู้ได้ จึงคิดว่าน่าจะให้ บมจ.ปตท.เป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ เพราะ ปตท.ก็เป็นผู้จำหน่ายเอ็นจีวีอยู่แล้ว แล้วคำนวณราคาติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีแบบผ่อนส่งผ่านระบบการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวี ที่ปัจจุบัน ปตท.ก็ใช้ระบบนี้กับการผ่อนส่งของรถแท็กซี่อยู่แล้ว
ส่วนปัญหารถขนส่งสินค้าซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 700,000 คันนั้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า 500,000 คันอยู่ในระบบการขนส่งสินค้าระหว่างโรงงาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเพราะว่าสามารถที่จะผ่องถ่ายไปยังราคาสินค้า แต่ที่ต้องช่วยเหลือมีประมาณ 100,000 คัน ที่เป็นผู้ขนส่งสินค้ารายย่อย ซึ่งที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ในเบื้องต้นอาจมีการขึ้นทะเบียนรถขนส่งเหล่านี้ เพื่อให้สามารถซื้อน้ำมันราคาถูกกว่าตลาด แต่จะสามารถซื้อได้ในราคาขายส่งหรือไม่ยังไม่เป็นที่สรุปชัดเจน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าระหว่างที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการภาระของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เพราะหน่วยงานต่างๆ ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าขาดคนที่จะมาตัดสินใจนโยบายในภาพรวม ทำให้น่าเป็นห่วงเรื่องนี้เช่นกัน