“เอ็ม เค เรสโตรองต์” รับเทรนด์ธุรกิจสุกี้ 5 ปีเริ่มโตน้อย แตกเซกเมนต์เทชั่นใหม่ ชู2โมเดล ”เอ็มเค เทรนด์ดี้-เอ็มเค โกลด์” เจาะวัยรุ่น-ไฮเอนด์ ล่าสุดต่อยอดธุรกิจอาหารผุดร้านอาหารญี่ปุ่น “ยาโยอิ”แข่งฟาสต์ฟูด และร้านอาหารไทย “เลอ สยาม” เจาะนักท่องเที่ยวต่างประเทศ พร้อมทุ่มงบ 300 ล้านบาทขยายสาขาเพิ่ม 25 แห่ง อัดงบตลาด150 ล้านบาท ชูหัวใจธุรกิจอาหาร “โภชนาการ” ดูดลูกค้า สิ้นปีรายได้พุ่ง 6,000 ล้านบาท
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ จำกัด ผู้บริหารเอ็มเคสุกี้ เปิดเผยว่า จากแนวโน้มที่ประมาณการณ์ว่าธุรกิจสุกี้ในไทย จะสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้อีก 5 ปี อีกทั้งการเติบโตที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมาจากการขยายสาขาใหม่ปีละ 25 สาขา ดังนั้นแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ “เอ็มเค สุกี้” จึงได้เตรียมแตกเซกเมนต์เทชั่นใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีเพียงแต่เอ็มเค ออริจินัลเจาะกลุ่มเป้าหมายหลากหลายเท่านั้น
โดยการแตกเซกเมนต์เทชั่นใหม่ “เอ็มเค สุกี้” แบ่งเป็น 2 โมเดล ประกอบด้วย “เอ็มเค เทรนด์ดี้” เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นโดยเฉพาะ บรรยายกาศภายในร้านจะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะติดตั้งเครื่องสำหรับโหลดเพลงเพิ่มเติม ฯลฯ นอกจากนี้ภายในร้านจะมีเมนูอาหารที่แตกต่างจากเอ็มเค ออริจินัล แต่ราคาใกล้เคียงกัน โดยจะเปิดสาขานำร่องแห่งแรก ที่ ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ในเดือนมิถุนายนนี้
ส่วนโมเดลที่สอง “เอ็มเค โกลด์” เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ มีเมนูอาหารกุ้งเป็นหลัก บรรยากาศภายในร้านรวมทั้งอุปกรณ์และพนักงานจะถูกตกแต่งด้วยสีทอง เพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่หรูหรา โดยอัตราการใช้จ่ายต่อหัว 300 บาทขึ้นไป เมื่อเทียบกับเอ็มเค ออริจินัล 180 บาทขึ้นไป ซึ่งได้เปิดสาขานำร่องไปแล้วที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ใช้งบลงทุน 4-5 ล้านบาท และขณะนี้กำลังพิจารณาขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม โดยกำลังดูทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย อาทิ เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า
สำหรับด้านการขยายสาขาเอ็ม เค ปีนี้ใช้งบ 200-300 ล้านบาท เปิดเพิ่ม 25 แห่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากปัจจุบันเอ็มเคมีสาขาทั้งหมด 208 แห่ง แบ่งเป็นสาขาในตลาดต่างจังหวัด 50 % และกรุงเทพฯ 50% ส่วนงบการตลาดปีนี้ใช้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือราว 150 ล้านบาท โดยจะเน้นการสื่อสารถึงผู้บริโภคด้าน “โภชนาการ” ซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจอาหาร
ส่วนแผนขยายตลาดต่างประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีแผนเปิดเพิ่มเติมในประเทศอื่น นอกเหนือ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 17 แห่ง
สร้างอาณาจักรอาหารอื่นต่อยอด
นายฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดยังได้เตรียมขยายธุรกิจร้านอาหารแนวฮอต ควิก เรสเตอรองส์ภายใต้ชื่อ “ยาโยอิ”(yayoi) อาหารญี่ปุ่นเป็นเซตราคา 99 บาท ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย โดยการบริการจะเน้นความรวดเร็วเป็นหลัก ซึ่งเป็นโมเดลที่จะมาแข่งขันกับธุรกิจอาหารฟาส์ตฟูดส์เคเอฟซี และแมคโดนัลด์ ซึ่งได้เปิดสาขานำร่องที่ คาร์ฟูร์ พระรามสี่ และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 4-5 สาขา
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เตรียมเปิดธุรกิจร้านอาหารไทยชื่อ “เลอ สยาม” เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก ที่ จังซีรอน จ.ภูเก็ต ส่วนในกรุงเทพฯธุรกิจร้านอาหารไทยชื่อ “ณ สยาม” มี 2 สาขา ที่ เซ็นทรัลบางนา และเดอะมอลล์ งามวงศ์วานและไม่มีแผนจะเปิดเพิ่มเติม
ปัจจุบันเอ็มเค สุกี้ ถือว่าเป็นเชนธุรกิจร้านอาหารของคนไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานตลาดที่ใหญ่ด้วย อีกทั้งผลจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง คนไทยระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเอ็มเค สุกี้ลดลง 10% โดยผลประกอบการเฉพาะธุรกิจเอ็มเค สุกี้ ปีนี้ราว 5,000 ล้านบาท และหากรวมธุรกิจร้านอาหาร “ยาโยอิ” (yayoi) และร้านอาหารไทย ณ สยาม มีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท