ไตรมาสแรก พบทัวร์ไปยุโรปหดตัวกว่า 20% TTAA เผย 2 สาเหตุหลัก เศรษฐกิจ กับวีซ่า ที่ขอยาก เหตุสถานทูตเข้ม นายกฯเผย เตรียมทำหนังสือถึงสถานฑูต อาทิ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี แจ้งข้อแก้ไข พร้อมให้ความร่วมมือทุกรูปแบบ หวั่นทั้งปีตัวเลขนักท่องเที่ยวไปยุโรปไม่คืบ ส่วนไตรมาสสอง มั่นใจ ราคาน้ำมันฉุดนักท่องเที่ยวชะลอเดินทางทางไกล เตรียมปรับกลยุทธ์เพิ่มเดสติเนชั่นระยะไกล ระบุ จีน ญี่ปุ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต โดยสงกรานต์ที่ผ่านมา มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวกว่า 3 หมื่นคน
นายอเนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) เปิดเผยว่า ในปีนี้ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาจำนวนคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศลองฮอลล์ หรือ เส้นทางระยะไกลลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดหรือราว 20-30% โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจริงๆ ส่วนกลุ่มประชุมสัมมนาหรืออินเซนทีฟ ก็ยังคงเดินทางอยู่ ส่วนสาหตุหลัก มี 2 ประการ คือ 1. สภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่แพง ส่งผลให้ราคาทัวร์ ต้องปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง และ 2. ปัญหาการขอวีซ่า ไปยุโรป และ อเมริกา มีความยากลำบากมากขึ้น เพราะสถานทูตเข้มงวด
พร้อมร่วมมือสถานทูตแก้ปัญหา
ทั้งนี้เป็นเพราะ มีหลายบริษัทนำเที่ยว ได้ปลอมแปลงเอกสาร หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักท่องเที่ยวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการหลบเข้าเมือง จึงทำให้สถานทูตต้องหันมาเข้มงวดในการออกวีซ่า เป็นเหตุให้หลายบริษัท ที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริต ต้องมาร้องเรียนกับทางสมาคมฯ ให้ช่วยหาทางแก้ไข
ดังนั้น สมาคมฯจึงเตรียมที่จะส่งหนังสือถึงสถานทูตเหล่านั้น อาทิ เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส และ อเมริกา เป็นต้น เพื่อขอให้ลดความเข้มงวดในการพิจารณาวีซ่าของนักท่องเที่ยวคนไทย ขณะเดียวกันทางสมาคมฯก็จะออกหนังสือไปยังบริษัททัวร์ที่เป็นสมาชิกให้ช่วยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบริษัททัวร์ ที่ไม่ซื่อตรงกับวิชาชีพเหล่านี้ มาแจ้งต่อสมาคมฯ เพื่อที่จะออกหนังสือตักเตือน หรือขั้นร้ายแรงที่สุดก็จะตัดออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมฯ
“เบื้องต้นเราจะส่งหนังสือไปยังสถานทูตก่อนเพื่อขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก และช่วยพิจารณา ซึ่งหากเขาต้องการให้เราชี้แจงเรื่องใดเป็นพิเศษ ทางสมาคมฯก็พร้อมจะดำเนินการตามและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสถานทูตของแต่ละประเทศในการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะยื่นขอวีซ่า ที่ผ่านมา เราได้ส่งหนังสือไปยังสถานทูตญี่ปุ่น และมีการทำงานร่วมกันทำให้ปัจจุบันคนไทยขอวีซ่าไปญี่ปุ่นได้สะดวกขึ้น”
ยุคน้ำมันแพงเพิ่มเส้นทางทัวร์ระยะใกล้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวข้างต้นหากไม่เร่งแก้ไขก็จะส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลของทัวร์ออกนอกประเทศ(เอาต์บาวนด์) ก็จะยิ่งหดตัวไปมากกว่านี้ เพราะหากมีความยุ่งยากในการขอวีซ่า นักท่องเที่ยวก็จะแก้ปัญหาด้วยวิธียกเลิกการเดินทางไปในเส้นทางที่ยุ่งยาก แล้วหันมาเที่ยวในระยะทางใกล้ทดแทน ซึ่งประเทศเหล่านั้นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
สำหรับไตรมาสที่สองนี้ บริษัทนำเที่ยวได้ปรับกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น ด้วยการเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวระยะใกล้ ให้มีความหลากหลาย พร้อมกับนำเสนอแพกเกจทัวร์ในราคาสมเหตุสมผล เพื่อให้ได้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยประเทศหลัก ที่คนไทยนิยมเดินทางไปมากที่สุดคือ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี และเวียดนาม โดยเฉพาะที่ประเทศจีนซึ่งข้อดีคือ มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย กระจายอยู่ในทุกมณฑล เป็นจุดขายที่ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวเบื่อหน่ายในการเดินทาง นอกจากนั้นหากนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเที่ยวในเอเชีย ก็จะเดินทางไป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
สงกรานต์คนไทยเที่ยวนอกไม่คึกคัก
นายอเนก กล่าวอีกว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน จำนวนคนไทย ที่เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศ ยังคงมีเท่าๆกับปีก่อน หรือประมาณ 3-4 หมื่นคน โดยประเทศที่คนไทยเดินทางไปมากที่สุดคือ จีน ซึ่งมีทั้งเดินทางด้วยเที่ยวบินปกติ กว่า 10,000 คน และเดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาะลำอีกกว่า 10,000 คน ส่วนเดสติเนชั่นอื่นๆ ที่นิยมเดินทางไปอีก ได้แก่ ญี่ปุ่นและ เกาหลี ซึ่งในตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วยต้นปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตของนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไป คิดเป็นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุเป็นเพราะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับทางญี่ปุ่นมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก ก็ได้ขนคนไทยออกไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่าสนมา จำนวนคนไทยเดินทางออกไปเที่ยวนอกประเทศทั้งปีมีประมาณ 2 ล้านคน โดยเกือบ 50% เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปจีนกับฮ่องกง และอีประมาณ 30% เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลี อีก 20% ที่เหลือจะเดินทางไปประเทศแถบยุโรป อเมริกา และประเทศอื่นๆ ส่วนค่ามช้จ่ายในการเดินทาง จะขึ้นอย่ากับระยะทาง ซึ่งหากเป็นประเทศจีน หรือประเทศในแถบเอเชีย แปซิฟิก ก็จะอยู่ประมาณ 20,000-40,000 บาท ต่อคนต่อทริป 3คืน 4 วัน แต่หากเป็นประเทศ แถบยุโรป ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปก็จะอยู่ประมาณ60,000-80,000 บาท ซึ่งจำนวนวันก็จะมากขึ้นตามระยะทาง ซึ่งหากราคาน้ำมันที่ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะมีผลกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตลาดระยะไกล ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมน้ำมันในราคาที่สูง บางเส้นทางเสียถึง 20-25% ของราคาตั๋วเครื่องบิน ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะหันมาเที่ยวระยะใกล้เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมทั้งปี ทัวร์ออกนอกประเทศปีนี้คงไม่เติบโตมากนัก
นายอเนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) เปิดเผยว่า ในปีนี้ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาจำนวนคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศลองฮอลล์ หรือ เส้นทางระยะไกลลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดหรือราว 20-30% โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจริงๆ ส่วนกลุ่มประชุมสัมมนาหรืออินเซนทีฟ ก็ยังคงเดินทางอยู่ ส่วนสาหตุหลัก มี 2 ประการ คือ 1. สภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่แพง ส่งผลให้ราคาทัวร์ ต้องปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง และ 2. ปัญหาการขอวีซ่า ไปยุโรป และ อเมริกา มีความยากลำบากมากขึ้น เพราะสถานทูตเข้มงวด
พร้อมร่วมมือสถานทูตแก้ปัญหา
ทั้งนี้เป็นเพราะ มีหลายบริษัทนำเที่ยว ได้ปลอมแปลงเอกสาร หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักท่องเที่ยวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการหลบเข้าเมือง จึงทำให้สถานทูตต้องหันมาเข้มงวดในการออกวีซ่า เป็นเหตุให้หลายบริษัท ที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริต ต้องมาร้องเรียนกับทางสมาคมฯ ให้ช่วยหาทางแก้ไข
ดังนั้น สมาคมฯจึงเตรียมที่จะส่งหนังสือถึงสถานทูตเหล่านั้น อาทิ เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส และ อเมริกา เป็นต้น เพื่อขอให้ลดความเข้มงวดในการพิจารณาวีซ่าของนักท่องเที่ยวคนไทย ขณะเดียวกันทางสมาคมฯก็จะออกหนังสือไปยังบริษัททัวร์ที่เป็นสมาชิกให้ช่วยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบริษัททัวร์ ที่ไม่ซื่อตรงกับวิชาชีพเหล่านี้ มาแจ้งต่อสมาคมฯ เพื่อที่จะออกหนังสือตักเตือน หรือขั้นร้ายแรงที่สุดก็จะตัดออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมฯ
“เบื้องต้นเราจะส่งหนังสือไปยังสถานทูตก่อนเพื่อขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก และช่วยพิจารณา ซึ่งหากเขาต้องการให้เราชี้แจงเรื่องใดเป็นพิเศษ ทางสมาคมฯก็พร้อมจะดำเนินการตามและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสถานทูตของแต่ละประเทศในการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะยื่นขอวีซ่า ที่ผ่านมา เราได้ส่งหนังสือไปยังสถานทูตญี่ปุ่น และมีการทำงานร่วมกันทำให้ปัจจุบันคนไทยขอวีซ่าไปญี่ปุ่นได้สะดวกขึ้น”
ยุคน้ำมันแพงเพิ่มเส้นทางทัวร์ระยะใกล้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวข้างต้นหากไม่เร่งแก้ไขก็จะส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลของทัวร์ออกนอกประเทศ(เอาต์บาวนด์) ก็จะยิ่งหดตัวไปมากกว่านี้ เพราะหากมีความยุ่งยากในการขอวีซ่า นักท่องเที่ยวก็จะแก้ปัญหาด้วยวิธียกเลิกการเดินทางไปในเส้นทางที่ยุ่งยาก แล้วหันมาเที่ยวในระยะทางใกล้ทดแทน ซึ่งประเทศเหล่านั้นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
สำหรับไตรมาสที่สองนี้ บริษัทนำเที่ยวได้ปรับกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น ด้วยการเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวระยะใกล้ ให้มีความหลากหลาย พร้อมกับนำเสนอแพกเกจทัวร์ในราคาสมเหตุสมผล เพื่อให้ได้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยประเทศหลัก ที่คนไทยนิยมเดินทางไปมากที่สุดคือ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี และเวียดนาม โดยเฉพาะที่ประเทศจีนซึ่งข้อดีคือ มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย กระจายอยู่ในทุกมณฑล เป็นจุดขายที่ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวเบื่อหน่ายในการเดินทาง นอกจากนั้นหากนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเที่ยวในเอเชีย ก็จะเดินทางไป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
สงกรานต์คนไทยเที่ยวนอกไม่คึกคัก
นายอเนก กล่าวอีกว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน จำนวนคนไทย ที่เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศ ยังคงมีเท่าๆกับปีก่อน หรือประมาณ 3-4 หมื่นคน โดยประเทศที่คนไทยเดินทางไปมากที่สุดคือ จีน ซึ่งมีทั้งเดินทางด้วยเที่ยวบินปกติ กว่า 10,000 คน และเดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาะลำอีกกว่า 10,000 คน ส่วนเดสติเนชั่นอื่นๆ ที่นิยมเดินทางไปอีก ได้แก่ ญี่ปุ่นและ เกาหลี ซึ่งในตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วยต้นปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตของนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไป คิดเป็นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุเป็นเพราะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับทางญี่ปุ่นมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก ก็ได้ขนคนไทยออกไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่าสนมา จำนวนคนไทยเดินทางออกไปเที่ยวนอกประเทศทั้งปีมีประมาณ 2 ล้านคน โดยเกือบ 50% เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปจีนกับฮ่องกง และอีประมาณ 30% เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลี อีก 20% ที่เหลือจะเดินทางไปประเทศแถบยุโรป อเมริกา และประเทศอื่นๆ ส่วนค่ามช้จ่ายในการเดินทาง จะขึ้นอย่ากับระยะทาง ซึ่งหากเป็นประเทศจีน หรือประเทศในแถบเอเชีย แปซิฟิก ก็จะอยู่ประมาณ 20,000-40,000 บาท ต่อคนต่อทริป 3คืน 4 วัน แต่หากเป็นประเทศ แถบยุโรป ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปก็จะอยู่ประมาณ60,000-80,000 บาท ซึ่งจำนวนวันก็จะมากขึ้นตามระยะทาง ซึ่งหากราคาน้ำมันที่ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะมีผลกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตลาดระยะไกล ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมน้ำมันในราคาที่สูง บางเส้นทางเสียถึง 20-25% ของราคาตั๋วเครื่องบิน ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะหันมาเที่ยวระยะใกล้เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมทั้งปี ทัวร์ออกนอกประเทศปีนี้คงไม่เติบโตมากนัก