กลายเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่ต้องมาห้ำหั่นกันอีกแล้วสำหรับ ธุรกิจโบว์ลิ่ง นอกจากสมรภูมิโรงหนัง ทั้งเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ้ปกับเอสเอฟซีเนม่าซิตี้
จากนี้ไปจะมีการระเบิดศึกที่เข้มข้นและชัดเจนกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากการขยายตัวของเอสเอฟสไตร์คโบว์ จากเดิมก่อนหน้าที่มีเพียงสาขาเดียวที่ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ แต่ขณะนี้มีมากกว่า 1 สาขาแล้ว
การเดินหน้าชนดูจะมีน้ำหนักมากกว่าแต่ก่อน ขณะที่ค่ายเมเจอร์โบว์ลฮิตก็ใส่เกียร์เร่งเดินหน้าไม่หยุดหย่อน หวังขึ้นเป็นผู้นำตลาดนี้เหมือนกับโรงหนังให้ได้
การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของค่ายเมเจอร์โบว์ลฮิต คือ การได้ผู้คุมเกมการตลาดคนใหม่ที่ชื่อว่า นายอาทร เตชะตันติวงศ์ ในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ลกรุ้ป จำกัด ซึ่งเป็นทีมงานเดียวกับนายกฤษนันท์ งามผาติพงศ์ ประธานเมเจอร์กรัป ที่เดิมทั้งคู่นี้ทำงานร่วมกันที่ค่ายเอไอเอส และเพิ่งมาร่วมงานกับเมเจอร์ฯเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง
นายอาทรจะเป็นผู้บริหารเบอร์หนึ่งของโบว์ลิ่ง แทนผู้บริหารคนเดิมที่ชื่อว่า นัยสันต์ จันทรศรี ที่ได้ออกจากเมเจอร์กรุ๊ปไปแล้วได้ระยะหนึ่ง หลังจากที่เข้ามาบริหารได้ประมาณปีเศษ
เกมการตลาดของเมเจอร์โบว์ลฮิตจึงน่าจับตาเป็นพิเศษ จากมันสมองของผู้ที่เคยทำตลาดมือถือมาก่อน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจากที่นายนัยสันต์ คนเก่าวงการรถยนต์เคยเข้ามาบริหาร
ขณะที่ค่ายเอสเอฟสไตร์คโบว์ก็ซุ่มเงียบเข้าเทคโอเวอร์พีเอสโบว์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยงบประมาณที่ทุ่มไปมากกว่า 600 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว เพื่อเสริมเครือข่ายให้มากขึ้นและสามารถที่จะทำตลาดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าเดิม
โดยปีที่แล้วได้เข้าเทคโอเวอร์สาขาเดิมของพีเอสโบว์ประมาณ 5 สาขา ที่ตั้งอยู่ในเดอะมอลล์ทั้งหมด คือ สาขาบางกะปิ บางแค งามวงศ์วาน ที่ได้รีโนเวตเสร็จแล้วเป็นเอสเอฟสไตร์คโบว์ ซึ่งยังมีอีก 2 สาขา คือ ท่าพระและรามคำแหงที่จะรีโนเวตในปีนี้ให้แล้วเสร็จ และยังมีอีก 1 แห่งที่ลงทุนใหม่คือที่รัตนาธิเบศร์ รวมทั้งสิ้น 180 เลน
ถ้ามองแล้วก็ยังห่างชั้นกว่าเมเจอร์ฯอยู่ดีในแง่ของปริมาณสาขา ที่มีสาขาเปิดบริการแล้วรวม 12 แห่ง และเมเจอร์ฯเองยังเตรียมทุ่มงบประมาณอีกกว่า 500 ล้านบาทเปิดเกมรุกในปีนี้เพิ่มอีก 8 สาขา รวมให้ได้ถึง 398 เลน สู่เป้าหมาย 20 สาขา สาขาใหม่ที่จะเห็นเช่น แจ้งวัฒนะ หัวหิน เกาะสมุย
เครือข่ายสาขาของเมเจอร์ย่อมมีมากว่า สามารถที่จะครอบคลุมตลาดและความต้องการได้มากกว่า จึงมีความได้เปรียบในแง่ของการนำเสนอด้านเกมตลาดที่จะมีอิมแพ็คมากกว่าด้วย เพราะมีสาขารองรับไว้มาก
เอสเอฟเองก็ดูเหมือนว่ารู้ตัวดีกับจำนวนสาขา จึงพยายามเร่งเครื่องให้เร็วที่สุด ซึ่งนอกจากสาขาที่เทคโอเวอร์มาแล้ว ก็ยังต้องทุ่มเทกับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยสาขาใหม่ของโรงหนังเอสเอฟที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่าก็ยังต้องบรรจุโบว์ลิ่งเอาไว้ด้วย แม้จะต้องมาชนกับเมเจอร์ฯในโครงการเดียวกันก็ตาม ซึ่งเมเจอร์ฯเองให้ความสำคัญกับสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์นี้ไม่น้อยกว่าที่สยามพารากอนถึงขนาดที่ได้ยุบโบว์ลิ่งที่อีจีวีเมโทรโปลิสไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการแย่งลูกค้ากันเพราะตั้งอยู่ตรงข้ามกัน
นอกจากทางเมเจอร์ฯปรับทีมบริหารแล้วยังชูแนวคิดใหม่ด้วย
นายอาทรวางเป้าหมายของเมเจอร์โบว์ฮิตให้เป็น Fun Innovation เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว และต้องการที่จะให้โบว์ลิ่งเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้ทุกคนทุกครอบครัวและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการพักผ่อน ดังนั้นการทำตลาดจากนี้ไปจะยึดถือแนวทาง นวัตกรรมแห่งความสนุกกสนาน เป็นหลัก
โดยปัจจุบันสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าของเมเจอร์โบว์ลฮิตนั้นมีหลากหลายแบ่งเป็น กลุ่มนิสิตนักศึกษาและบัณฑิตที่เพิ่งเริ่มทำงานมากที่สุดถึง 50% รองลงมาคือ กลุ่มเจ้าหน้าที่บริหารรุ่นใหม่ประมาณ 30% และผู้ที่ชอบเล่นโบว์ลิ่งอีก 20% โดยแคมเปญต่างๆที่ออกมาจะต้องมีความหลากหลายและตอบสนองได้ทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย
ทั้งนี้แคมเปญใหญ่ล่าสุดที่เมเจอร์โบว์ลฮิตงัดออกมาใช้ก็คือ “เอ็กซ์ไซติ้ง โอซาก้า” ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยใช้งบประมาณรวม 5 ล้านบาท และหวังที่จะเพิ่มยอดรายได้ 10%
รายละเอียดคร่าวๆของแคมเปญนี้ แบ่งเป็น เอ็กซ์ไซติ้ง โอซาก้า มอบแพ็คเกจท่องเที่ยวเล่นโบว์ลิ่งที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสัน รุ่น K608I บัตรกำนัลจากคิงเพาเวอร์ จำนวน 5 รางวัล และอื่นๆ เมื่อใช้บริการทุกๆ 300 บาทที่เมเจอร์ โบว์ล ฮิต ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2549
เอ็กซ์ไซติ้ง อาวร์ แพ็คเกจโยนโบว์ลิ่ง สำหรับเล่นโบว์ลิ่ง 1 ชั่วโมง คิดค่าบริการ 2 เกม ช่วงเวลา 11:00 น. – 16.00 น. ของวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ หรือระหว่างช่วงเวลา 21:00 น. – ปิดบริการ ระหว่างวันอาทิตย์ ถึงวันพฤหัสบดี และเอ็กซ์ไซติ้ง แพค ซึ่งเป็นแพ็คเกจประเภทเหมาจ่าย ในราคา 1,500 บาท สามารถเล่นโบว์ลิ่งได้ 30 เกม หรือ ใช้บริการคาราโอเกะได้ 10 ชั่วโมง พร้อมรับฟรีเป็ปซี่ 1 เหยือก และกระเป๋าเดินทาง
การรุกหนักตั้งแต่ต้นปีนี้ เมเจอร์โบว์ลฮิตคาดหวังรายได้ปีนี้ทะยานสู่ 700 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 450 ล้านบาท
ด้านนายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ เอสเอฟซีเนม่ากรุ๊ป มั่นใจว่า รายได้รวมของบริษัทฯปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% หรือประมาณ 1,900 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท
เหตุผลหลักส่วนหนึ่งจะมาจากรายได้ของโบว์ลิ่งที่จะเห็นเป็นเนื้อเป็นหนังในปีนี้ หลังจากที่ปีที่แล้วอยู่ในช่วงของการรีโนเวต ผนวกกับกลยุทธ์การทำตลาดและโปรโมชั่นต่างๆที่จะมีมากขึ้น
แม้จำนวนสาขาจะต่างกัน แต่กลยุทธ์ตลาดของแต่ละค่ายถือได้ว่า ขึ้นอยู่กับแนวทางและลูกเล่นที่จะมาสู้กัน ซึ่งตรงนี้ถือว่าไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบกัน
จากนี้ไปจะมีการระเบิดศึกที่เข้มข้นและชัดเจนกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากการขยายตัวของเอสเอฟสไตร์คโบว์ จากเดิมก่อนหน้าที่มีเพียงสาขาเดียวที่ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ แต่ขณะนี้มีมากกว่า 1 สาขาแล้ว
การเดินหน้าชนดูจะมีน้ำหนักมากกว่าแต่ก่อน ขณะที่ค่ายเมเจอร์โบว์ลฮิตก็ใส่เกียร์เร่งเดินหน้าไม่หยุดหย่อน หวังขึ้นเป็นผู้นำตลาดนี้เหมือนกับโรงหนังให้ได้
การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของค่ายเมเจอร์โบว์ลฮิต คือ การได้ผู้คุมเกมการตลาดคนใหม่ที่ชื่อว่า นายอาทร เตชะตันติวงศ์ ในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ลกรุ้ป จำกัด ซึ่งเป็นทีมงานเดียวกับนายกฤษนันท์ งามผาติพงศ์ ประธานเมเจอร์กรัป ที่เดิมทั้งคู่นี้ทำงานร่วมกันที่ค่ายเอไอเอส และเพิ่งมาร่วมงานกับเมเจอร์ฯเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง
นายอาทรจะเป็นผู้บริหารเบอร์หนึ่งของโบว์ลิ่ง แทนผู้บริหารคนเดิมที่ชื่อว่า นัยสันต์ จันทรศรี ที่ได้ออกจากเมเจอร์กรุ๊ปไปแล้วได้ระยะหนึ่ง หลังจากที่เข้ามาบริหารได้ประมาณปีเศษ
เกมการตลาดของเมเจอร์โบว์ลฮิตจึงน่าจับตาเป็นพิเศษ จากมันสมองของผู้ที่เคยทำตลาดมือถือมาก่อน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจากที่นายนัยสันต์ คนเก่าวงการรถยนต์เคยเข้ามาบริหาร
ขณะที่ค่ายเอสเอฟสไตร์คโบว์ก็ซุ่มเงียบเข้าเทคโอเวอร์พีเอสโบว์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยงบประมาณที่ทุ่มไปมากกว่า 600 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว เพื่อเสริมเครือข่ายให้มากขึ้นและสามารถที่จะทำตลาดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าเดิม
โดยปีที่แล้วได้เข้าเทคโอเวอร์สาขาเดิมของพีเอสโบว์ประมาณ 5 สาขา ที่ตั้งอยู่ในเดอะมอลล์ทั้งหมด คือ สาขาบางกะปิ บางแค งามวงศ์วาน ที่ได้รีโนเวตเสร็จแล้วเป็นเอสเอฟสไตร์คโบว์ ซึ่งยังมีอีก 2 สาขา คือ ท่าพระและรามคำแหงที่จะรีโนเวตในปีนี้ให้แล้วเสร็จ และยังมีอีก 1 แห่งที่ลงทุนใหม่คือที่รัตนาธิเบศร์ รวมทั้งสิ้น 180 เลน
ถ้ามองแล้วก็ยังห่างชั้นกว่าเมเจอร์ฯอยู่ดีในแง่ของปริมาณสาขา ที่มีสาขาเปิดบริการแล้วรวม 12 แห่ง และเมเจอร์ฯเองยังเตรียมทุ่มงบประมาณอีกกว่า 500 ล้านบาทเปิดเกมรุกในปีนี้เพิ่มอีก 8 สาขา รวมให้ได้ถึง 398 เลน สู่เป้าหมาย 20 สาขา สาขาใหม่ที่จะเห็นเช่น แจ้งวัฒนะ หัวหิน เกาะสมุย
เครือข่ายสาขาของเมเจอร์ย่อมมีมากว่า สามารถที่จะครอบคลุมตลาดและความต้องการได้มากกว่า จึงมีความได้เปรียบในแง่ของการนำเสนอด้านเกมตลาดที่จะมีอิมแพ็คมากกว่าด้วย เพราะมีสาขารองรับไว้มาก
เอสเอฟเองก็ดูเหมือนว่ารู้ตัวดีกับจำนวนสาขา จึงพยายามเร่งเครื่องให้เร็วที่สุด ซึ่งนอกจากสาขาที่เทคโอเวอร์มาแล้ว ก็ยังต้องทุ่มเทกับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยสาขาใหม่ของโรงหนังเอสเอฟที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่าก็ยังต้องบรรจุโบว์ลิ่งเอาไว้ด้วย แม้จะต้องมาชนกับเมเจอร์ฯในโครงการเดียวกันก็ตาม ซึ่งเมเจอร์ฯเองให้ความสำคัญกับสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์นี้ไม่น้อยกว่าที่สยามพารากอนถึงขนาดที่ได้ยุบโบว์ลิ่งที่อีจีวีเมโทรโปลิสไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการแย่งลูกค้ากันเพราะตั้งอยู่ตรงข้ามกัน
นอกจากทางเมเจอร์ฯปรับทีมบริหารแล้วยังชูแนวคิดใหม่ด้วย
นายอาทรวางเป้าหมายของเมเจอร์โบว์ฮิตให้เป็น Fun Innovation เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว และต้องการที่จะให้โบว์ลิ่งเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้ทุกคนทุกครอบครัวและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการพักผ่อน ดังนั้นการทำตลาดจากนี้ไปจะยึดถือแนวทาง นวัตกรรมแห่งความสนุกกสนาน เป็นหลัก
โดยปัจจุบันสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าของเมเจอร์โบว์ลฮิตนั้นมีหลากหลายแบ่งเป็น กลุ่มนิสิตนักศึกษาและบัณฑิตที่เพิ่งเริ่มทำงานมากที่สุดถึง 50% รองลงมาคือ กลุ่มเจ้าหน้าที่บริหารรุ่นใหม่ประมาณ 30% และผู้ที่ชอบเล่นโบว์ลิ่งอีก 20% โดยแคมเปญต่างๆที่ออกมาจะต้องมีความหลากหลายและตอบสนองได้ทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย
ทั้งนี้แคมเปญใหญ่ล่าสุดที่เมเจอร์โบว์ลฮิตงัดออกมาใช้ก็คือ “เอ็กซ์ไซติ้ง โอซาก้า” ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยใช้งบประมาณรวม 5 ล้านบาท และหวังที่จะเพิ่มยอดรายได้ 10%
รายละเอียดคร่าวๆของแคมเปญนี้ แบ่งเป็น เอ็กซ์ไซติ้ง โอซาก้า มอบแพ็คเกจท่องเที่ยวเล่นโบว์ลิ่งที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสัน รุ่น K608I บัตรกำนัลจากคิงเพาเวอร์ จำนวน 5 รางวัล และอื่นๆ เมื่อใช้บริการทุกๆ 300 บาทที่เมเจอร์ โบว์ล ฮิต ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2549
เอ็กซ์ไซติ้ง อาวร์ แพ็คเกจโยนโบว์ลิ่ง สำหรับเล่นโบว์ลิ่ง 1 ชั่วโมง คิดค่าบริการ 2 เกม ช่วงเวลา 11:00 น. – 16.00 น. ของวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ หรือระหว่างช่วงเวลา 21:00 น. – ปิดบริการ ระหว่างวันอาทิตย์ ถึงวันพฤหัสบดี และเอ็กซ์ไซติ้ง แพค ซึ่งเป็นแพ็คเกจประเภทเหมาจ่าย ในราคา 1,500 บาท สามารถเล่นโบว์ลิ่งได้ 30 เกม หรือ ใช้บริการคาราโอเกะได้ 10 ชั่วโมง พร้อมรับฟรีเป็ปซี่ 1 เหยือก และกระเป๋าเดินทาง
การรุกหนักตั้งแต่ต้นปีนี้ เมเจอร์โบว์ลฮิตคาดหวังรายได้ปีนี้ทะยานสู่ 700 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 450 ล้านบาท
ด้านนายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ เอสเอฟซีเนม่ากรุ๊ป มั่นใจว่า รายได้รวมของบริษัทฯปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% หรือประมาณ 1,900 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท
เหตุผลหลักส่วนหนึ่งจะมาจากรายได้ของโบว์ลิ่งที่จะเห็นเป็นเนื้อเป็นหนังในปีนี้ หลังจากที่ปีที่แล้วอยู่ในช่วงของการรีโนเวต ผนวกกับกลยุทธ์การทำตลาดและโปรโมชั่นต่างๆที่จะมีมากขึ้น
แม้จำนวนสาขาจะต่างกัน แต่กลยุทธ์ตลาดของแต่ละค่ายถือได้ว่า ขึ้นอยู่กับแนวทางและลูกเล่นที่จะมาสู้กัน ซึ่งตรงนี้ถือว่าไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบกัน