รมว.คลังเชื่อหลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้ว ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น เพราะความกังวลต่างๆ จะคลี่คลายลง และมั่นใจว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายร้อยละ 5 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการส่งออก และพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวานนี้แล้ว รู้สึกสบายใจเพราะเป็นการเลือกตั้ง เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และมีความเรียบร้อยดี แต่สถานการณ์นับจากนี้ไปต้องขึ้นอยู่การประนีประนอมทางการเมืองที่รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาต่อ ซึ่งจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะทำให้ความกังวลต่างๆ คลี่คลายลง โดยยังเชื่อว่าในปี 2549 นี้เศรษฐกิจจะยังโตอยู่ที่ร้อยละ 5 ได้เหมือนเดิม
นายทนง กล่าวว่า หลังจากเศรษฐกิจได้ผ่านมาครึ่งปีงบประมาณแล้ว มั่นใจว่าอีก 6 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณจะผ่านไปได้ โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 5 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เลวร้ายนัก เพราะภาคธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อได้ การลงทุนใหม่จากนักลงทุนก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เชื่อว่าขณะนี้นักลงทุนจะมั่นใจปัญหาการเมืองมากขึ้นแล้ว สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยังมีปัจจัยจากการส่งออก ค่าเงินบาทแข็งค่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย เพราะยังคงมองว่าไทยยังเป็นตลาดทุนที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง คงจะต้องรอฟังผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยยังมองว่าการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากนัก จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไม่น่าจะมีปัญหามากนัก
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวานนี้แล้ว รู้สึกสบายใจเพราะเป็นการเลือกตั้ง เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และมีความเรียบร้อยดี แต่สถานการณ์นับจากนี้ไปต้องขึ้นอยู่การประนีประนอมทางการเมืองที่รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาต่อ ซึ่งจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะทำให้ความกังวลต่างๆ คลี่คลายลง โดยยังเชื่อว่าในปี 2549 นี้เศรษฐกิจจะยังโตอยู่ที่ร้อยละ 5 ได้เหมือนเดิม
นายทนง กล่าวว่า หลังจากเศรษฐกิจได้ผ่านมาครึ่งปีงบประมาณแล้ว มั่นใจว่าอีก 6 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณจะผ่านไปได้ โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 5 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เลวร้ายนัก เพราะภาคธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อได้ การลงทุนใหม่จากนักลงทุนก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เชื่อว่าขณะนี้นักลงทุนจะมั่นใจปัญหาการเมืองมากขึ้นแล้ว สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยังมีปัจจัยจากการส่งออก ค่าเงินบาทแข็งค่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย เพราะยังคงมองว่าไทยยังเป็นตลาดทุนที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง คงจะต้องรอฟังผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยยังมองว่าการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากนัก จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไม่น่าจะมีปัญหามากนัก