กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.คนใหม่ เริ่มงานวันแรก โดยประกาศนโยบายจัดความสำคัญของงานทั้งการเร่งรัดสนามบินสุวรรณภูมิ โดยจะลุยตรวจพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) และชู 2 นโยบายใหม่เชื่อมโยงสนามบินในภูมิภาคให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและจัดตั้งฟอรัมดึงหน่วยงานที่ให้บริการด้านการบิน เพื่อปรับปรุงบริการแก่ผู้โดยสาร
ในช่วงเช้าที่ผ่านมานายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.คนใหม่ ได้เข้าเริ่มงานเป็นวันแรกพร้อมเรียกประชุมฝ่ายบริหารเพื่อให้นโยบาย ก่อนที่จะเปิดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า ในการจัดระดับความสำคัญของงานนโยบายของ ทอท.ขณะนี้จะเริ่มจากการเร่งรัดการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย โดยกำหนดเป้าหมายที่สนามบินจะต้องสามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ให้เร็วที่สุด เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศ เนื่องจากปัจจุบันสนามบินดอนเมืองอยู่ในสภาพแออัดต้องรองรับปริมาณผู้โดยสารมากกว่าความสามารถในความจุถึงร้อยละ 30 แล้ว นอกจากนี้ การเปิดให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของไทย และเป็นเป้าหมายศูนย์กลางการบินในภูมิภาค จึงถือเป็นสนามบินที่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของคนไทย
โดยการเร่งรัดงานเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เร็วที่สุดนั้น ในวันพรุ่งนี้ ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการของ ทอท.จะมีการประชุมในช่วงเช้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ และจะมีการตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในการก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งจะสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่ากำหนดการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะมีความพร้อมเมื่อใด
สำหรับนโยบายสำคัญที่ให้แก่ฝ่ายบริหาร เพื่อให้เป็นภารกิจของ ทอท.หลังจากนี้ยังมีอีก 2 ส่วน คือ การพัฒนาให้ท่าอากาศยานในภูมิภาคทั้งในส่วนที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ทอท. ทั้ง 5 สนามบิน และที่อยู่ในความดูแลของกรมการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องเชื่อมความร่วมมือกัน และผลักดันนโยบายให้สนามบินในแต่ละจังหวัดเกิดประโยชน์แก่ชุมชนในพื้นที่มากที่สุดทั้งการส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
“ตัวอย่างเช่น สนามบินที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งต้องมีการปรับปรุงให้เกิดการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่นๆ ทั้งทางบก ทางน้ำ จนถึงทางรถไฟ เพื่อจะทำให้การท่องเที่ยวและการค้าในพื้นที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว” นายโชติศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีอีกนโยบายสำคัญที่จะจัดตั้งฟอรัมในรูปแบบของคณะกรรมการที่จะมีการดึงตัวแทนจากหน่วยงานทุกส่วนทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือจากทุกหน่วยงานเหล่านี้จะสามารถร่วมกันปรับปรุงงานบริการได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความพอใจแก่ผู้ใช้บริการสูงสุด โดย ทอท.จะเดินสายชี้แจงกับหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้วยกันภายในสัปดาห์นี้
ด้านนายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการทดสอบระบบของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีกระแสข่าวระบุว่าปัญหาการติดตั้งระบบสารสนเทศภายในอาคาร (เอมส์) รวมถึงการตกแต่งพื้นที่เพื่อให้สายการบินต่างๆ เข้าไปดำเนินการมีความล่าช้าและจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิล่าช้าออกไปถึง 6 - 7 เดือนนั้น ในส่วนนี้ขอยืนยันว่าการติดตั้งอุปกรณ์สารสนเทศเข้าในอาคารได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบร้อยละ 100 และอยู่ระหว่างการทดสอบ ส่วนการตกแต่งพื้นที่เพื่อให้บริการสายการบินต่าง ๆ นั้น ขณะนี้ทุกสายการบินได้เข้าสู่พื้นที่เรียบร้อยแล้ว โดย ทอท.ได้อนุมัติแบบตกแต่งพื้นที่ทันทีเมื่อสายการบินแต่ละแห่งได้ยื่นเรื่องขอเข้าพื้นที่ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่างานทั้งหมดมีความคืบหน้าตามแผน โดยมีงานที่น่าหนักใจเพียงเรื่องการอบรมเจ้าหน้าที่และพนักงานให้มีความพร้อมสูงสุดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทอท.มั่นใจว่างานทั้งหมดจะมีความสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการที่จะมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อใดนั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลหรือฝ่ายนโยบาย
ในช่วงเช้าที่ผ่านมานายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.คนใหม่ ได้เข้าเริ่มงานเป็นวันแรกพร้อมเรียกประชุมฝ่ายบริหารเพื่อให้นโยบาย ก่อนที่จะเปิดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า ในการจัดระดับความสำคัญของงานนโยบายของ ทอท.ขณะนี้จะเริ่มจากการเร่งรัดการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย โดยกำหนดเป้าหมายที่สนามบินจะต้องสามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ให้เร็วที่สุด เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศ เนื่องจากปัจจุบันสนามบินดอนเมืองอยู่ในสภาพแออัดต้องรองรับปริมาณผู้โดยสารมากกว่าความสามารถในความจุถึงร้อยละ 30 แล้ว นอกจากนี้ การเปิดให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของไทย และเป็นเป้าหมายศูนย์กลางการบินในภูมิภาค จึงถือเป็นสนามบินที่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของคนไทย
โดยการเร่งรัดงานเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เร็วที่สุดนั้น ในวันพรุ่งนี้ ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการของ ทอท.จะมีการประชุมในช่วงเช้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ และจะมีการตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในการก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งจะสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่ากำหนดการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะมีความพร้อมเมื่อใด
สำหรับนโยบายสำคัญที่ให้แก่ฝ่ายบริหาร เพื่อให้เป็นภารกิจของ ทอท.หลังจากนี้ยังมีอีก 2 ส่วน คือ การพัฒนาให้ท่าอากาศยานในภูมิภาคทั้งในส่วนที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ทอท. ทั้ง 5 สนามบิน และที่อยู่ในความดูแลของกรมการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องเชื่อมความร่วมมือกัน และผลักดันนโยบายให้สนามบินในแต่ละจังหวัดเกิดประโยชน์แก่ชุมชนในพื้นที่มากที่สุดทั้งการส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
“ตัวอย่างเช่น สนามบินที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งต้องมีการปรับปรุงให้เกิดการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่นๆ ทั้งทางบก ทางน้ำ จนถึงทางรถไฟ เพื่อจะทำให้การท่องเที่ยวและการค้าในพื้นที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว” นายโชติศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีอีกนโยบายสำคัญที่จะจัดตั้งฟอรัมในรูปแบบของคณะกรรมการที่จะมีการดึงตัวแทนจากหน่วยงานทุกส่วนทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือจากทุกหน่วยงานเหล่านี้จะสามารถร่วมกันปรับปรุงงานบริการได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความพอใจแก่ผู้ใช้บริการสูงสุด โดย ทอท.จะเดินสายชี้แจงกับหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้วยกันภายในสัปดาห์นี้
ด้านนายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการทดสอบระบบของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีกระแสข่าวระบุว่าปัญหาการติดตั้งระบบสารสนเทศภายในอาคาร (เอมส์) รวมถึงการตกแต่งพื้นที่เพื่อให้สายการบินต่างๆ เข้าไปดำเนินการมีความล่าช้าและจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิล่าช้าออกไปถึง 6 - 7 เดือนนั้น ในส่วนนี้ขอยืนยันว่าการติดตั้งอุปกรณ์สารสนเทศเข้าในอาคารได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบร้อยละ 100 และอยู่ระหว่างการทดสอบ ส่วนการตกแต่งพื้นที่เพื่อให้บริการสายการบินต่าง ๆ นั้น ขณะนี้ทุกสายการบินได้เข้าสู่พื้นที่เรียบร้อยแล้ว โดย ทอท.ได้อนุมัติแบบตกแต่งพื้นที่ทันทีเมื่อสายการบินแต่ละแห่งได้ยื่นเรื่องขอเข้าพื้นที่ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่างานทั้งหมดมีความคืบหน้าตามแผน โดยมีงานที่น่าหนักใจเพียงเรื่องการอบรมเจ้าหน้าที่และพนักงานให้มีความพร้อมสูงสุดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทอท.มั่นใจว่างานทั้งหมดจะมีความสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการที่จะมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อใดนั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลหรือฝ่ายนโยบาย


