ปิดผลประกอบการประจำปี 2548 ไปอย่างงดงามสำหรับค่ายสินค้าอุปโภคบริโภค"ยูนิลีเวอร์" ในไทย ด้วยการกวาดรายได้ทั้งหมด 3 หมื่นล้านบาท โตขึ้นถึง 8% พร้อมกันนี้ลีเวอร์ยังถือโอกาสเปิดตัวประธานคนใหม่อย่างเป็นทางการ ที่จะมาสานพันธกิจ"เติมพลังให้ชีวิต"ต่อจากนายเลโอ โอสเตอร์เวียร์ หลังจากโบกมืออำลาตำแหน่งประธานของประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับนายลออิค ทาร์ดี้ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย โดยจะรับผิดชอบการกำกับดูแล และบริหารกิจการในกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งได้แก่ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งประธานคนใหม่ได้วางแนวทางดำเนินธุรกิจ ภายใต้การยึดมั่นพันธกิจ"เติมพลังให้ชีวิต"สู้ในยุคที่สถานการณ์น้ำมันแพงและต้นทุนการผลิตที่ปรับสูงขึ้น
โดยเน้นย้ำว่าบริษัทฯจะนำความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของเรา มาผสานกับความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และหวังว่าบริษัทฯ จะยังคงรักษาความแข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่องในทุกประเภทสินค้า ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวม มีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 8% ในปีนี้ หรือมีรายได้ 32,400 ล้านบาท
"ทุกผลิตภัณฑ์ของเรา ถูกพัฒนาขึ้นโดยยึดหลักการเติมพลังให้ชีวิตทั้งสิ้น การที่เราเน้นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค และดำเนินการตามพันธกิจดังกล่าว คือหัวใจของการที่เราจะช่วยให้ผู้บริโภคให้ผู้คนรู้สึกดี มีลักษณะที่น่ามองและแต่งเติมชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น"
ความหมายของประโยคที่ว่า เติมพลังให้ชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง คือ ความมุ่งมั่นในการเติมพลังให้ชีวิต พร้อมทั้งการตลาดด้วยความรับผิดชอบ และการจัดกิจกรรมการตลาดที่มีคุณธรรม เป็นหลักในการดำเนินงานของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและทันตผลิตภัณฑ์,กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร
"เราดำเนินธุรกิจในไทยปีนี้เป็นปีที่ 73 แล้ว ผมเชื่อว่าปัญหาการเมืองไทยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และเรายังคงเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยว่าสามารถเติบโตได้ แต่เพื่อลดต้นทุนไม่ให้กินเนื้อตัวเอง เพื่อไม่ให้กำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปีนี้เราเน้นการบริหารต้นทุนการผลิต โดยเน้นลดต้นทุนสายการผลิต และกระบวนการทำงาน ฯลฯ"
สำหรับผลงานของนายทาร์ดี้ก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิลีเวอร์ฟู้ดส์ ในประเทศจีน ในช่วงปี 2545 - 2548 ซึ่งในช่วงดังกล่าวได้พลิกสถานการณ์ของบริษัทฯ จากที่เคยมีอัตราการเติบโตติดลบ 20% ในปี 2544 มาเป็นการเติบโต 30% ในปี 2547, 2548 และ 2549
นอกจากนี้ นายทาร์ดี้ ยังสามารถทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของชาพร้อมดื่มลิปตันในประเทศจีนเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 45% ในส่วนของตลาดโมเดิร์นเทรดอีกด้วย และระหว่างปี 2540 - 2544 ยังได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ยูนิลีเวอร์ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งเขาทำให้ยูนิลีเวอร์ เวียดนาม เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุด 3 ปีติดต่อกัน เป็นต้น
สำหรับนายลออิค ทาร์ดี้ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย โดยจะรับผิดชอบการกำกับดูแล และบริหารกิจการในกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งได้แก่ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งประธานคนใหม่ได้วางแนวทางดำเนินธุรกิจ ภายใต้การยึดมั่นพันธกิจ"เติมพลังให้ชีวิต"สู้ในยุคที่สถานการณ์น้ำมันแพงและต้นทุนการผลิตที่ปรับสูงขึ้น
โดยเน้นย้ำว่าบริษัทฯจะนำความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของเรา มาผสานกับความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และหวังว่าบริษัทฯ จะยังคงรักษาความแข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่องในทุกประเภทสินค้า ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวม มีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 8% ในปีนี้ หรือมีรายได้ 32,400 ล้านบาท
"ทุกผลิตภัณฑ์ของเรา ถูกพัฒนาขึ้นโดยยึดหลักการเติมพลังให้ชีวิตทั้งสิ้น การที่เราเน้นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค และดำเนินการตามพันธกิจดังกล่าว คือหัวใจของการที่เราจะช่วยให้ผู้บริโภคให้ผู้คนรู้สึกดี มีลักษณะที่น่ามองและแต่งเติมชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น"
ความหมายของประโยคที่ว่า เติมพลังให้ชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง คือ ความมุ่งมั่นในการเติมพลังให้ชีวิต พร้อมทั้งการตลาดด้วยความรับผิดชอบ และการจัดกิจกรรมการตลาดที่มีคุณธรรม เป็นหลักในการดำเนินงานของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและทันตผลิตภัณฑ์,กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร
"เราดำเนินธุรกิจในไทยปีนี้เป็นปีที่ 73 แล้ว ผมเชื่อว่าปัญหาการเมืองไทยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และเรายังคงเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยว่าสามารถเติบโตได้ แต่เพื่อลดต้นทุนไม่ให้กินเนื้อตัวเอง เพื่อไม่ให้กำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปีนี้เราเน้นการบริหารต้นทุนการผลิต โดยเน้นลดต้นทุนสายการผลิต และกระบวนการทำงาน ฯลฯ"
สำหรับผลงานของนายทาร์ดี้ก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิลีเวอร์ฟู้ดส์ ในประเทศจีน ในช่วงปี 2545 - 2548 ซึ่งในช่วงดังกล่าวได้พลิกสถานการณ์ของบริษัทฯ จากที่เคยมีอัตราการเติบโตติดลบ 20% ในปี 2544 มาเป็นการเติบโต 30% ในปี 2547, 2548 และ 2549
นอกจากนี้ นายทาร์ดี้ ยังสามารถทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของชาพร้อมดื่มลิปตันในประเทศจีนเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 45% ในส่วนของตลาดโมเดิร์นเทรดอีกด้วย และระหว่างปี 2540 - 2544 ยังได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ยูนิลีเวอร์ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งเขาทำให้ยูนิลีเวอร์ เวียดนาม เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุด 3 ปีติดต่อกัน เป็นต้น